เทศนา 2

เทศนา 2
เทศนา แปลว่า การแสดง ในที่นี้หมายถึง การแสดงธรรมเพื่อสั่งสอนผู้อื่น เป็นเทคนิคที่พระพุทธเจ้าทรงใช้เพื่อการแสดงธรรมโปรดเหล่าสาวก เป็นเทคนิคเพื่อการแสดงธรรมให้ได้ผล เพื่อเผยแผ่ธรรมะของพระองค์ให้กว้างขวางออกไป มี 2 แบบ คือ
- ปุคคลาทิฏฐานา เทศนา การแสดงธรรมโดยการยกบุคคลขึ้นเป็นที่ตั้ง
- ธัมมาทิฏฐานา เทศนา การแสดงธรรมโดยมีธรรมเป็นที่ตั้ง
ปุคคลาทิฏฐานา เทศนา
ปุคคลาทิฏฐานา เทศนา แปลว่า การแสดงธรรมโดยการยกบุคคลขึ้นเป็นที่ตั้ง หมายถึง การแสดงธรรมโดยยกเอาบุคคล เหตุการณ์ หรือเรื่องราวสำคัญ ๆ ต่าง ๆ ขึ้นเป็นตัวอย่างประกอบ เพื่อให้ผู้ฟังเห็นภาพ จินตนาการตามได้ เข้าใจในเรื่องนั้น ๆ ได้มากขึ้น และเห็นจริงตามธรรมที่แสดง
เช่น เมื่อพูดถึงเรื่องเมตตา ยกเอาสุวรรณสามดาบสขึ้นมาเป็นตัวอย่าง เมื่อพูดถึงความเพียรพยายาม ยกเอาพระมหาชนกขึ้นมาเป็นตัวอย่าง พูดถึงเรื่องเนกขัมมะ ก็ยกเอาเตมีย์ชาดกมาเป็นตัวอย่าง เป็นต้น จะทำให้ผู้ฟังสามารถจินตนาการตาม และเห็นตัวอย่างที่ชัดเจน ทำให้เข้าใจลึกซึ้ง และซาบซึ้งในธรรมะที่แสดงได้มากขึ้น
ธัมมาทิฏฐานา เทศนา
ธัมมาทิฏฐานา เทศนา แปลว่า การแสดงธรรมโดยมีธรรมเป็นที่ตั้ง หมายถึง การแสดงธรรมโดยยกเอาความหมาย คุณลักษณะ สภาวะ หน้าที่ ของหลักธรรมข้อนั้น ๆ ขึ้นอ้าง หรือพูดถึงปัจจัยที่ทำให้เกิดหลักธรรมข้อนั้น ๆ เช่น เมื่อแสดงธรรมเรื่องขันติ ก็พูดถึงความหมายของขันติว่าคืออะไร ขันติมีคุณลักษณะอย่างไร สภาวะของขันติเป็นอย่างไร หน้าที่ของขันติคืออะไร เป็นต้น
ในการแสดงธรรมนั้น จะใช้วิธีแสดงแบบไหนก็ต้องพิจารณาถึงผู้ฟังเป็นหลัก ถ้าผู้ฟังเป็นประเภทเข้าใจธรรมะได้ยาก ก็คงไม่เหมาะที่จะแสดงธรรมล้วน ๆ การแสดงธรรมแบบบุคคลาทิฏฐานจะเหมาะสมกว่า เพราะจะทำให้ผู้ฟังนั้นเข้าใจได้มากกว่า
แต่ถ้าผู้ฟังเป็นผู้ที่สามารถเข้าใจธรรมะได้ง่าย หรือเคยได้ยินได้ฟังมามาก การแสดงธรรมแบบธัมมาทิฏฐานก็จะทำให้ผู้ฟังคนนั้นเข้าใจหัวข้อธรรมได้ลึกซึ้งแจ่มแจ้ง
อย่างไรก็ตาม ในการแสดงธรรมแต่ละครั้ง ไม่จำเป็นต้องแสดงด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งโดยเฉพาะเจาะจง อาจประยุกต์ใช้ทั้ง 2 วิธีร่วมกันก็ได้ตามความเหมาะสม และเพื่อประโยชน์โดยภาพรวม เพราะในบางครั้ง ต้องแสดงธรรมแก่ผู้ฟังจำนวนมาก แต่ละคนก็มีอุปนิสัยและพื้นฐานที่แตกต่างกัน
เทศนา 2 อีกหมวดหนึ่ง

เทศนา 2 อีกหมวดหนึ่ง ประกอบด้วยวิธีแสดงธรรม 2 วิธี คือ
- สมมติเทศนา เทศนาโดยสมมติ
- ปรมัตถเทศนา เทศนาโดยปรมัตถ์
สมมติเทศนา
สมมติเทศนา แปลว่า เทศนาโดยสมมติ หมายถึง การแสดงธรรมตามความหมายที่รู้กัน หรือแสดงธรรมตามที่ตกลงยอมรับร่วมกันของชาวโลก ได้แก่ การแสดงธรรมโดยสำนวนโวหารที่ชาวโลกเขายอมรับร่วมกันหรือรับรู้ร่วมกัน เช่น บุคคล สัตว์ เทวดา กษัตริย์ ผู้ชาย ผู้หญิง เป็นต้น
คือว่าไปตามสมมติของชาวโลกที่ยอมรับร่วมกันและเข้าใจร่วมกัน เพื่อให้บุคคลทั่วไปผู้ยังห่างไกลธรรมะ ฟังแล้วเข้าใจง่าย ไม่เข้าใจยากจนเกินไป เป็นการแสดงธรรมที่เข้าถึงผู้ฟังได้มาก เพราะผู้ฟังส่วนใหญ่เข้าใจสรรพสิ่งที่ชาวโลกบัญญัติขึ้นมาโดยสมมติ ถ้าได้รับการแสดงธรรมแบบสมมติเทศนา ก็จะสามารถเข้าใจได้ง่าย ตามทัน และสามารถบรรลุผลของการฟังธรรมได้ง่าย
ปรมัตถเทศนา
ปรมัตถเทศนา แปลว่า เทศนาโดยปรมัตถ์ หมายถึง การแสดงธรรมตามความหมายของสภาวธรรมแท้ ๆ เช่น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ธาตุ ขันธ์ อายตนะ เป็นต้น เป็นการแสดงธรรมตามสภาวะความเป็นจริง อาจจะเข้าใจยากสำหรับผู้ใหม่หรือผู้ที่ยังไม่เคยฟังธรรมะหรือศึกษาธรรมะมาก่อน
การแสดงธรรมแบบปรมัตถเทศนา เหมาะกับผู้ฟังที่ได้ยินได้ฟังมามากแล้ว เคยศึกษาธรรมะมาแล้ว พอมีความรู้เรื่องของธรรมะในระดับหนึ่ง เมื่อได้รับฟังธรรมะแบบปรมัตถเทศนา ก็จะทำให้เข้าใจหัวข้อธรรมนั้น ๆ ได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
การแสดงธรรมทั้ง 2 ลักษณะนี้ พระพุทธเจ้าจะใช้วิธีใด พระองค์จะพิจารณาผู้ฟังเป็นหลัก การแสดงธรรมแบบไหนจะสำเร็จประโยชน์แก่บุคคลประเภทใด พระองค์ก็จะทรงเลือกการแสดงธรรมแบบนั้น ๆ