ปัญหาและเฉลยวิชาวินัยบัญญัติ  นักธรรมชั้นโท พ.ศ. 2546

ถาม สิกขาบทนอกพระปาฏิโมกข์ เรียกว่าอะไร ? มีกี่อย่าง ? อะไรบ้าง ?

ตอบ เรียกว่าอภิสมาจาร ฯ มี 2 อย่าง คือ เป็นข้อห้าม 1 เป็นข้ออนุญาต 1 ฯ

ถาม ภิกษุล่วงละเมิดสิกขาบทนอกพระปาฏิโมกข์นั้น ต้องอาบัติโดยตรงอย่างไรบ้าง ?

ตอบ ต้องอาบัติโดยตรง 2 อย่าง คือ ถุลลัจจัย 1 ทุกกฏ 1 ฯ


ถาม บริขารต่อไปนี้ได้แก่อะไรบ้าง ?

  1. บริขารเครื่องบริโภค
  2. บริขารเครื่องอุปโภค

ตอบ

  1. บริขารเครื่องบริโภค ได้แก่ ไตรจีวร ผ้าปูนอน ผ้าเช็ดหน้าเช็ดปาก ผ้านิสีทนะ บาตร ฯ
  2. บริขารเครื่องอุปโภค ได้แก่ กล่องเข็ม เครื่องกรองน้ำ มีดโกนพร้อมทั้งฝัก หินสำหรับลับ กับเครื่องสะบัด ร่ม รองเท้า ฯ

ถาม การแสดงความเคารพได้แก่กิริยาเช่นไร ?

ตอบ ได้แก่ การกราบไหว้ การลุกรับ การทำอัญชลี การทำสามีจิกรรม ฯ

ถาม ภิกษุควรงดทำความเคารพกันในเวลาใดบ้าง ? จงตอบมา 5 ข้อ

ตอบ ในเวลาดังต่อไปนี้ (เลือกตอบ 5 ข้อ)

  1. ในเวลาประพฤติวุฏฐานวิธี คือ อยู่กรรมเพื่อออกจากอาบัติสังฆาทิเสส
  2. ในเวลาถูกสงฆ์ลงอุกเขปนียกรรม
  3. ในเวลาเปลือยกาย
  4. ในเวลาเข้าบ้านหรือเดินอยู่ตามทาง
  5. ในเวลาอยู่ในที่มืดแลไม่เห็นกัน
  6. ในเวลาที่ท่านไม่รู้
  7. ในเวลาขบฉันอาหาร
  8. ในเวลาถ่ายอุจจาระปัสสาวะ ฯ

ถาม ท่านห้ามไม่ให้จำพรรษาตลอด 4 เดือนฤดูฝนนั้น เพราะเหตุไร ?

ตอบ เพราะต้องการเดือนท้ายฤดูฝนไว้เป็นจีวรกาล คราวแสวงหาจีวร คราวทำจีวร เพื่อผลัด ผ้าไตรจีวรเดิม ฯ

ถาม อีก 7 วันจะถึงวันปวารณา ภิกษุทำสัตตาหกรณียะไปปวารณาที่วัดอื่น เธอจะได้รับอานิสงส์การจำพรรษาหรือไม่ ? เพราะเหตุไร ?

ตอบ ได้รับอานิสงส์การจำพรรษาเหมือนกัน เพราะวันสุดท้ายแห่งวันจำพรรษาตกอยู่ในวันที่ 7 ในที่อื่นบ่งให้กลับใน 7 วันนั้นเพราะยังไม่สิ้นกำหนดวันจำพรรษา ฯ


ถาม ภิกษุพึงประชุมกันสวดพระปาฏิโมกข์ในวันเช่นไรบ้าง ?

ตอบ ในวันพระจันทร์เพ็ญ (ดิถีขึ้น 15 ค่ำ) วันพระจันทร์ดับ (ดิถีแรม 15 ค่ำ หรือ 14 ค่ำ) และวันสามัคคี ฯ

ถาม กำลังสวดพระปาฏิโมกข์ค้างอยู่ หากมีภิกษุอื่นมาถึงเข้าจะปฏิบัติอย่างไร ?

ตอบ ปฏิบัติอย่างนี้ คือ ถ้าภิกษุผู้เข้ามาใหม่มากกว่าภิกษุผู้ชุมนุม ต้องสวดตั้งต้นใหม่ ถ้าเท่ากัน หรือน้อยกว่า ส่วนที่สวดไปแล้วก็ให้เป็นอันสวดแล้ว ให้เธอผู้มาใหม่ฟัง ส่วนที่ยังเหลือต่อไป ฯ


ถาม สังฆปวารณา คืออะไร ?

ตอบ คือ ปวารณาเป็นการสงฆ์ มีภิกษุประชุมตั้งแต่ 5 รูปขึ้นไป ฯ

ถาม คำบอกปาริสุทธิว่าอย่างไร ?

ตอบ ว่าดังนี้

  • สำหรับผู้แก่พรรษากว่าว่า “ปริสุทฺโธ อหํ อาวุโส ปริสุทฺโธติ มํ ธาเรหิ” ว่า 3 หน
  • สำหรับผู้อ่อนพรรษากว่าว่า “ปริสุทฺโธ อหํ ภนฺเต ปริสุทฺโธติ มํ ธาเรถ” ว่า 3 หน ฯ

ถาม ความประพฤติต่อไปนี้ จัดเข้าในอุปปถกิริยาข้อไหน ?

  1. ชอบเล่นคะนอง ร้องรำทำเพลง
  2. ชอบด่าว่า เสียดสี เปรียบเปรยเขา ยุยงให้เขาแตกกัน

ตอบ

  1. ชอบเล่นคะนอง ร้องรำทำเพลง จัดเข้าในข้ออนาจาร ความประพฤติไม่ดีไม่งาม ฯ
  2. ชอบด่าว่า เสียดสี เปรียบเปรยเขา ยุยงให้เขาแตกกัน จัดเข้าในข้อปาปสมาจาร ความประพฤติเลวทราม ฯ

ถาม อุททิสมังสะ ได้แก่เนื้อเช่นไร ?

ตอบ อุททิสมังสะ ได้แก่เนื้อที่เป็นกัปปิยะโดยกำเนิดและเขาทำให้สุกแล้ว แต่เป็นของที่เขาฆ่าเพื่อทำเป็นอาหารถวายพระภิกษุโดยตรง ฯ

ถาม ภิกษุฉันเนื้องู เนื้อมนุษย์ ต้องอาบัติอะไร ?

ตอบ ภิกษุฉันเนื้องู ต้องอาบัติทุกกฏ ฯ ฉันเนื้อมนุษย์ ต้องอาบัติถุลลัจจัย ฯ


ถาม วินัยกรรม คืออะไร ? มีกี่อย่าง อะไรบ้าง ?

ตอบ คือ การทำกิจตามพระวินัย ฯ มี 3 อย่าง คือ

  1. การแสดงอาบัติ
  2. การอธิษฐาน
  3. การวิกัป ฯ

ถาม การทำวินัยกรรมมีจำกัดบุคคลหรือสถานที่ไว้อย่างไรบ้าง ?

ตอบ มีจำกัดบุคคลหรือสถานที่ดังนี้

  1. แสดงอาบัติต้องแสดงแก่ภิกษุผู้มีสังวาสเสมอกัน
  2. อธิษฐานต้องทำเอง
  3. วิกัปต้องทำแก่สหธรรมิกทั้ง 5 คือ ภิกษุ ภิกษุณี สิกขมานา สามเณร สามเณรี รูปใดรูปหนึ่ง ฯ ส่วนสถานที่ห้ามไม่ให้ทำในที่มืด แต่ในที่นอกสีมา ก็ทำได้ ฯ

ถาม วิบัติของภิกษุในทางพระวินัยมีเท่าไร ? อะไรบ้าง ?

ตอบ มี 4 คือ

  1. สีลวิบัติ
  2. อาจารวิบัติ
  3. ทิฏฐิวิบัติ
  4. อาชีววิบัติ

ถาม จงให้ความหมายของวิบัติแต่ละอย่างนั้นพอได้ใจความ

ตอบ

  • ความเสียแห่งศีล ชื่อว่าสีลวิบัติ
  • ความเสียมารยาท ชื่อว่าอาจารวิบัติ
  • ความเห็นผิดธรรมผิดวินัย ชื่อว่าทิฏฐิวิบัติ
  • ความเสียแห่งการเลี้ยงชีพ ชื่อว่าอาชีววิบัติ ฯ