ปัญหาและเฉลยวิชาวินัยบัญญัติ  นักธรรมชั้นเอก พ.ศ. 2546

ถาม สังฆกรรมมีกี่อย่าง ? อะไรบ้าง ?

ตอบ มี 4 อย่าง คือ

  1. อปโลกนกรรม
  2. ญัตติกรรม
  3. ญัตติทุติยกรรม
  4. ญัตติจตุตถกรรม ฯ

ถาม ในสีมาเดียวกัน ภิกษุจะประชุมกันทำสังฆกรรมวันหนึ่ง 2 ครั้งไม่ได้ ข้อนี้มีความจริงเป็นอย่างไร ? จงอธิบาย

ตอบ มีความจริงเป็นอย่างนี้ คือ สังฆกรรมบางอย่าง เช่น อุโบสถ ปวารณา ภิกษุอยู่ในสีมาเดียวกัน จะต้องพร้อมเพรียงกันทำ จะแยกกันทำ 2 พวก 2 ครั้งไม่ได้ แต่สังฆกรรมบางอย่าง เช่น อุปสมบทกรรม อัพภานกรรม จะทำวันเดียวหลายครั้งก็ได้ ฯ


ถาม สีมามีกี่ประเภท ? อะไรบ้าง ?

ตอบ มี 2 ประเภท คือ

  1. พัทธสีมา
  2. อพัทธสีมา ฯ

ถาม แดนที่มีสังวาสเสมอกันเรียกว่าอะไร ? มีประโยชน์อย่างไร ?

ตอบ เรียกว่า สมานสังวาสสีมา ฯ มีประโยชน์อย่างนี้ คือ ภิกษุผู้อยู่ในเขตนี้ มีสิทธิในอันจะเข้าอุโบสถ ปวารณา และสังฆกรรมร่วมกัน เป็นแดนที่กำหนดความพร้อมเพรียง ภิกษุผู้อยู่ในสีมานี้ทั้งหมดเข้าประชุมกันเป็นสงฆ์ หรือนำฉันทะของภิกษุผู้ไม่มาเข้าประชุม เรียกว่าสงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกัน ฯ


ถาม การทักนิมิตในทิศทั้ง 8 นั้น ทักทิศละหนถูกต้องหรือไม่ ? เพราะเหตุไร ?

ตอบ ไม่ถูกต้อง ฯ ที่ถูกต้องนั้นเมื่อเริ่มต้นทักนิมิตในทิศบูรพาแล้ว ทักมาโดยลำดับจนถึงนิมิตสุด ต้องวนไปทักนิมิตในทิศบูรพาซ้ำอีก ฯ

ถาม จงเขียนคำทักนิมิตในทิศตะวันออกเฉียงเหนือ มาดู ?

ตอบ คำทักนิมิตในทิศตะวันออกเฉียงเหนือว่าดังนี้ “ อุตฺตราย อนุทิสาย กึ นิมิตฺตํ ” ฯ


ถาม คำว่า “ กฐิน ” เป็นชื่อของอะไร ? มีชื่อเรียกอย่างนั้นเพราะเหตุไร ?

ตอบ เป็นชื่อของสังฆกรรมอย่างหนึ่ง ฯ เพราะมีชื่อออกจากไม้สะดึงที่ลาดหรือกางออก เพื่อขึงจีวรเย็บ ฯ

ถาม การกรานกฐินนั้น มีวิธีปฏิบัติอย่างไร ?

ตอบ มีวิธีปฏิบัติอย่างนี้ คือ เมื่อมีผ้าเกิดขึ้นแก่สงฆ์ในกาลเช่นนั้นพอจะทำเป็นไตรจีวรผืนใดผืนหนึ่งได้ สงฆ์พร้อมใจกันยกให้แก่ภิกษุรูปหนึ่ง เพื่อประโยชน์นี้ ภิกษุผู้ได้รับผ้านั้นเอาไปทำจีวรให้เสร็จในวันนั้น แล้วมาบอกภิกษุผู้ยกผ้านั้นให้เพื่ออนุโมทนา ภิกษุเหล่านั้นอนุโมทนา ฯ


ถาม ศัพท์ว่า “ บรรพชา ” มีอธิบายว่าอย่างไร ?

ตอบ มีอธิบายว่า ศัพท์นี้ หมายเอาการบวชทั่วไป รวมทั้งอุปสมบทด้วยก็มี หมายเอาเฉพาะการบวชเป็นบุรพประโยคแห่งอุปสมบทก็มี หมายถึงการบวชลำพังเป็นสามเณรก็มี ฯ

ถาม นอกจากคนมีอายุไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์ และอภัพพบุคคลแล้ว ยังมีบุคคลจำพวกไหนอีกบ้างที่ห้ามไม่ให้อุปสมบท ?

ตอบ มีบุคคลที่ถูกห้ามไม่ให้อุปสมบทอีก 3 จำพวก คือ

  1. คนไม่มีอุปัชฌาย์ หรือมีคนอื่นนอกจากภิกษุเป็นอุปัชฌาย์ หรือถือสงฆ์ ถือคณะเป็นอุปัชฌาย์
  2. คนไม่มีบาตร ไม่มีจีวร หรือไม่มีทั้งบาตรทั้งจีวร
  3. คนยืมบาตร ยืมจีวรเขามาหรือยืมทั้งบาตรทั้งจีวรเขามา ฯ

ถาม ไตรจีวร กำหนดให้เรียกผ้านุ่งว่า อันตรวาสก เรียกผ้าห่มว่า อุตตราสงค์ เรียกผ้าทาบว่า สังฆาฏิ ในเวลาไหนบ้าง ?

ตอบ ในเวลาดังต่อไปนี้ คือ ในเวลาบอกบาตรจีวรแก่อุปสัมปทาเปกขะ ในเวลาอธิษฐานเป็นผ้าครอง ในเวลาปัจจุทธรณ์ และในเวลากรานกฐิน ฯ

ถาม ผ้า 3 ผืนนั้น กำหนดให้เรียกว่า จีวร ในเวลาไหนบ้าง ?

ตอบ ในเวลาผ้า 3 ผืนนั้น เป็นนิสสัคคีย์เพราะอยู่ปราศ คำเสียสละเรียกว่าจีวรทุกผืน และในเวลาผ้าเหล่านั้นเป็นอติเรกจีวร คำวิกัป คำถอนวิกัป รวมเรียกว่าจีวรทั้งสิ้น ฯ


ถาม สัมมุขาวินัยสำหรับระงับวิวาทาธิกรณ์นั้น มีวิธีอย่างไร ?

ตอบ มีวิธีอย่างนี้ คือ

  1. ด้วยการตกลงกันเอง
  2. ด้วยการตั้งผู้วินิจฉัย
  3. ด้วยอำนาจแห่งสงฆ์

ถาม อธิกรณ์ที่ภิกษุจะพึงยกขึ้นว่านั้น ต้องเป็นเรื่องที่มีมูล ก็เรื่องที่มูลนั้นมีลักษณะเช่นไร ?

ตอบ มีลักษณะ 3 ประการ คือ

  1. เรื่องที่ได้เห็นเอง
  2. เรื่องที่ได้ยินเอง หรือมีผู้บอกและเชื่อว่าเป็นจริง
  3. เรื่องที่เว้นจาก 2 สถานนั้น แต่รังเกียจโดยอาการ ฯ

พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505, (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535

ถาม องค์กรการปกครองคณะสงฆ์สูงสุด คืออะไร ?

ตอบ คือ มหาเถรสมาคม ฯ

ถาม ตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ กำหนดองค์ประกอบขององค์กรนั้นไว้อย่างไร ?

ตอบ กำหนดไว้ดังนี้

สมเด็จพระสังฆราช ทรงดำรงตำแหน่งประธานกรรมการโดยตำแหน่ง สมเด็จพระราชาคณะทุกรูป เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง และพระราชาคณะซึ่งสมเด็จพระสังฆราชทรงแต่งตั้ง มีจำนวนไม่เกิน 12 รูปเป็นกรรมการ ฯ


ถาม ภิกษุรูปหนึ่งต้องคำพิพากษาคดีถึงที่สุดให้เป็นบุคคลล้มละลาย ภิกษุนั้นจะต้องปฏิบัติอย่างไร ? ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์มาตราไหน ?

ตอบ ภิกษุนั้นต้องสึกภายในสามวัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด ฯ ตามมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ฯ

ถาม ถ้าภิกษุนั้นฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาจะถูกลงโทษอย่างไร ?

ตอบ ถ้าฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี ตามมาตรา 43 แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ฯ


ถาม ที่วัด ที่ธรณีสงฆ์ และที่ศาสนสมบัติกลาง ได้แก่สถานที่เช่นไร ?

ตอบ

  • ที่วัด ได้แก่ที่ซึ่งตั้งวัดตลอดจนเขตของวัดนั้น
  • ที่ธรณีสงฆ์ ได้แก่ที่ซึ่งเป็นสมบัติของวัด
  • ที่ศาสนสมบัติกลาง ได้แก่ที่ซึ่งเป็นทรัพย์สินของพระศาสนาซึ่งมิใช่ของวัดใดวัดหนึ่ง ฯ

ถาม เจ้าพนักงาน ตามความในประมวลกฎหมายอาญา ในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ได้แก่ใคร ?

ตอบ ได้แก่พระภิกษุซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในการปกครองคณะสงฆ์และไวยาวัจกร ฯ