ปัญหาข้อที่ 1
ถาม เทสนา 2 มีอะไรบ้าง ?
ตอบ มี ปุคคลาธิฏฐานา มีบุคคลเป็นที่ตั้ง 1 ธัมมาธิฏฐานา มีธรรมเป็นที่ตั้ง 1 ฯ
ถาม เทสนา 2 อย่างนั้นต่างกันอย่างไร จงอธิบาย ?
ตอบ ต่างกันอย่างนี้
การสอนที่ยกบุคคลมาเป็นตัวอย่าง เช่น ในมหาชนกชาดก สอนเรื่องความเพียร โดยกล่าวถึงพระมหาชนกโพธิสัตว์ว่า ทรงมีความเพียรอย่างยิ่ง พยายามว่ายน้ำในท่ามกลางมหาสมุทรที่กว้างใหญ่มองไม่เห็นฝั่งอย่างไม่ย่อท้อ ด้วยความุ่งมั่นที่จะถึงฝั่งให้ได้ เป็น ปุคคลาธิฏฐานา ฯ
ส่วนการยกธรรมแต่ละข้อมาอธิบายความหมายอย่างเดียว เช่น สติ แปลว่า ความระลึกได้ หมายความว่า ก่อนจะทำ ก่อนจะพูดอะไร ต้องคิดให้รอบคอบเสียก่อน จึงทำ จึงพูดออกไป เป็นต้น เป็น ธัมมาธิฏฐานา ฯ
ปัญหาข้อที่ 2
ถาม ญาณ 3 ที่เป็นไปในอริยสัจ 4 มีอะไรบ้าง ?
ตอบ มี
- สัจจญาณ ปรีชาหยั่งรู้อริยสัจ
- กิจจญาณ ปรีชาหยั่งรู้กิจอันควรทำ
- กตญาณ ปรีชาหยั่งรู้กิจอันทำแล้ว ฯ
ถาม ญาณ 3 ที่เป็นไปในทุกขนิโรธ มีอธิบายอย่างไร ?
ตอบ มีอธิบายอย่างนี้
- ปรีชาหยั่งรู้ว่า นี้ทุกขนิโรธ จัดเป็นสัจจญาณ
- ปรีชาหยั่งรู้ว่า ทุกขนิโรธ เป็นสภาพที่ควรทำให้แจ้ง จัดเป็นกิจจญาณ
- ปรีชาหยั่งรู้ว่า ทุกขนิโรธ เป็นสภาพที่ควรทำให้แจ้ง ทำให้แจ้งแล้ว จัดเป็นกตญาณ ฯ
ปัญหาข้อที่ 3
ถาม คำว่า “ โสดาบัน ” แปลว่าอะไร ?
ตอบ โสดาบัน แปลว่า ผู้แรกถึงกระแสพระนิพพาน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา จะต้องตรัสรู้ในภายภาคหน้า ฯ
ถาม พระอริยบุคคลชั้นโสดาบันนี้ ท่านละกิเลสอะไรได้ขาดบ้าง ?
ตอบ ท่านละสังโยชน์ได้ขาด 3 อย่าง คือ
- สักกายทิฏฐิ
- วิจิกิจฉา
- สีลัพพตปรามาส ฯ
ปัญหาข้อที่ 4
ถาม ในอปัสเสนธรรม ข้อว่า “ พิจารณาแล้วเสพของอย่างหนึ่ง ” คำว่า “ ของอย่างหนึ่ง ” ในข้อนี้ได้แก่อะไร ?
ตอบ ได้แก่ ปัจจัย 4 บุคคล และธรรม เป็นต้น ที่ทำให้เกิดความสบาย ฯ
ถาม ผู้พิจารณาตามอปัสเสนธรรมนั้น ได้ประโยชน์อย่างไร ?
ตอบ ได้ประโยชน์อย่างนี้ คือ ทำกุศลที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น ทำกุศลที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญยิ่งขึ้น ทำกิเลสและอกุศลที่เกิดขึ้นแล้วให้เสื่อมไป ฯ
ปัญหาข้อที่ 5
ถาม คำว่า ทักขิณา ในทักขิณาวิสุทธินั้น หมายถึงอะไร ?
ตอบ หมายถึง ของทำบุญ ฯ
ถาม ทักขิณาจะไม่บริสุทธิ์ และบริสุทธิ์ กำหนดรู้ได้อย่างไร ?
ตอบ กำหนดรู้ได้อย่างนี้
- ทั้งทายก ทั้งปฏิคาหกเป็นผู้ไม่บริสุทธิ์ ทักขิณานั้น ชื่อว่า ไม่บริสุทธิ์ทั้งสองฝ่าย
- ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งบริสุทธิ์ ชื่อว่าบริสุทธิ์ฝ่ายเดียว
- ทั้งสองฝ่ายบริสุทธิ์ ชื่อว่าบริสุทธิ์ทั้งสองฝ่าย ฯ
ปัญหาข้อที่ 6
ถาม ปัญจขันธ์ ได้ชื่อว่า มาร เพราะเหตุไร ?
ตอบ เพราะบางทีทำความลำบากให้ อันเป็นเหตุเบื่อหน่าย จนถึงฆ่าตัวตายเสียเองก็มี ฯ
ถาม กิเลสมาร และมัจจุมาร จัดเข้าในอริยสัจข้อใดได้หรือไม่ ? เพราะเหตุไร ?
ตอบ ได้ ฯ กิเลสมาร จัดเข้าในทุกขสมุทัยสัจ เพราะกิเลสเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ มัจจุมาร จัดเข้าในทุกขสัจ เพราะเป็นตัวทุกข์ ฯ
ปัญหาข้อที่ 7
ถาม บุคคลผู้มีปกติต่อไปนี้ จัดเข้าในจริตอะไร ? จะพึงแก้ด้วยธรรมข้อใด ?
- ผู้มีปกติรักสวยรักงาม
- ผู้มีปกตินึกพล่าน
ตอบ
- ผู้มีปกติรักสวยรักงาม จัดเข้าในราคจริต ฯ จะพึงแก้ด้วยเจริญกายคตาสติ หรืออสุภกัมมัฏฐาน ฯ
- ผู้มีปกตินึกพล่าน จัดเข้าในวิตักกจริต ฯ จะพึงแก้ด้วยเพ่งกสิณ หรือเจริญอานาปานสติ ฯ
ปัญหาข้อที่ 8
ถาม พระสงฆ์ ในบทสังฆคุณ 9 ท่านหมายถึงพระสงฆ์เช่นไร ?
ตอบ หมายถึง พระสาวกผู้ได้บรรลุธรรมวิเศษ ฯ
ถาม คำว่า “อุชุปฏิปนฺโน เป็นผู้ปฏิบัติตรง” คือปฏิบัติเช่นไร ?
ตอบ คือไม่ปฏิบัติลวงโลก ไม่มีมายาสาไถย ประพฤติตรง ตรงต่อพระศาสดาและเพื่อนสาวกด้วยกัน ไม่อำพรางความในใจ ไม่มีแง่มีงอน ฯ
ปัญหาข้อที่ 9
ถาม จงให้ความหมายของคำต่อไปนี้ ?
- อโหสิกรรม
- กตัตตากรรม
ตอบ
- อโหสิกรรม คือ กรรมให้ผลสำเร็จแล้ว เป็นกรรมล่วงคราวแล้วเลิกให้ผล เปรียบเหมือนพืชสิ้นยางแล้ว เพาะไม่ขึ้น ฯ
- กตัตตากรรม คือ กรรมสักว่าทำ ได้แก่กรรมอันทำด้วยไม่จงใจ ฯ
ปัญหาข้อที่ 10
ถาม ปังสุกูลิกังคะ องค์แห่งผู้ถือผ้าบังสุกุลเป็นวัตร คืออย่างไร ?
ตอบ คือไม่รับจีวรจากทายก เที่ยวแสวงหาและใช้เฉพาะแต่ผ้าบังสุกุลมาเย็บย้อมทำจีวรใช้เอง ฯ
ถาม ธุดงค์ข้อใด ที่ภิกษุสมาทานสำเร็จด้วยอิริยาบถ 3 คือ ยืน เดิน นั่ง ?
ตอบ คือ เนสัชชิกังคะ องค์แห่งภิกษุผู้ถือการนั่งเป็นวัตร ถือเฉพาะอิริยาบถ 3 คือ ยืน เดิน และนั่งเท่านั้น ฯ