ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม  นักธรรมชั้นโท พ.ศ. 2546

ถาม เทสนา 2 มีอะไรบ้าง ?

ตอบ มี ปุคคลาธิฏฐานา มีบุคคลเป็นที่ตั้ง 1 ธัมมาธิฏฐานา มีธรรมเป็นที่ตั้ง 1 ฯ

ถาม เทสนา 2 อย่างนั้นต่างกันอย่างไร จงอธิบาย ?

ตอบ ต่างกันอย่างนี้

การสอนที่ยกบุคคลมาเป็นตัวอย่าง เช่น ในมหาชนกชาดก สอนเรื่องความเพียร โดยกล่าวถึงพระมหาชนกโพธิสัตว์ว่า ทรงมีความเพียรอย่างยิ่ง พยายามว่ายน้ำในท่ามกลางมหาสมุทรที่กว้างใหญ่มองไม่เห็นฝั่งอย่างไม่ย่อท้อ ด้วยความุ่งมั่นที่จะถึงฝั่งให้ได้ เป็น ปุคคลาธิฏฐานา

ส่วนการยกธรรมแต่ละข้อมาอธิบายความหมายอย่างเดียว เช่น สติ แปลว่า ความระลึกได้ หมายความว่า ก่อนจะทำ ก่อนจะพูดอะไร ต้องคิดให้รอบคอบเสียก่อน จึงทำ จึงพูดออกไป เป็นต้น เป็น ธัมมาธิฏฐานา


ถาม ญาณ 3 ที่เป็นไปในอริยสัจ 4 มีอะไรบ้าง ?

ตอบ มี

  1. สัจจญาณ ปรีชาหยั่งรู้อริยสัจ
  2. กิจจญาณ ปรีชาหยั่งรู้กิจอันควรทำ
  3. กตญาณ ปรีชาหยั่งรู้กิจอันทำแล้ว ฯ

ถาม ญาณ 3 ที่เป็นไปในทุกขนิโรธ มีอธิบายอย่างไร ?

ตอบ มีอธิบายอย่างนี้

  1. ปรีชาหยั่งรู้ว่า นี้ทุกขนิโรธ จัดเป็นสัจจญาณ
  2. ปรีชาหยั่งรู้ว่า ทุกขนิโรธ เป็นสภาพที่ควรทำให้แจ้ง จัดเป็นกิจจญาณ
  3. ปรีชาหยั่งรู้ว่า ทุกขนิโรธ เป็นสภาพที่ควรทำให้แจ้ง ทำให้แจ้งแล้ว จัดเป็นกตญาณ ฯ

ถาม คำว่า “ โสดาบัน ” แปลว่าอะไร ?

ตอบ โสดาบัน แปลว่า ผู้แรกถึงกระแสพระนิพพาน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา จะต้องตรัสรู้ในภายภาคหน้า ฯ

ถาม พระอริยบุคคลชั้นโสดาบันนี้ ท่านละกิเลสอะไรได้ขาดบ้าง ?

ตอบ ท่านละสังโยชน์ได้ขาด 3 อย่าง คือ

  1. สักกายทิฏฐิ
  2. วิจิกิจฉา
  3. สีลัพพตปรามาส ฯ

ถาม ในอปัสเสนธรรม ข้อว่า “ พิจารณาแล้วเสพของอย่างหนึ่ง ” คำว่า “ ของอย่างหนึ่ง ” ในข้อนี้ได้แก่อะไร ?

ตอบ ได้แก่ ปัจจัย 4 บุคคล และธรรม เป็นต้น ที่ทำให้เกิดความสบาย ฯ

ถาม ผู้พิจารณาตามอปัสเสนธรรมนั้น ได้ประโยชน์อย่างไร ?

ตอบ ได้ประโยชน์อย่างนี้ คือ ทำกุศลที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น ทำกุศลที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญยิ่งขึ้น ทำกิเลสและอกุศลที่เกิดขึ้นแล้วให้เสื่อมไป ฯ


ถาม คำว่า ทักขิณา ในทักขิณาวิสุทธินั้น หมายถึงอะไร ?

ตอบ หมายถึง ของทำบุญ ฯ

ถาม ทักขิณาจะไม่บริสุทธิ์ และบริสุทธิ์ กำหนดรู้ได้อย่างไร ?

ตอบ กำหนดรู้ได้อย่างนี้

  • ทั้งทายก ทั้งปฏิคาหกเป็นผู้ไม่บริสุทธิ์ ทักขิณานั้น ชื่อว่า ไม่บริสุทธิ์ทั้งสองฝ่าย
  • ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งบริสุทธิ์ ชื่อว่าบริสุทธิ์ฝ่ายเดียว
  • ทั้งสองฝ่ายบริสุทธิ์ ชื่อว่าบริสุทธิ์ทั้งสองฝ่าย ฯ

ถาม ปัญจขันธ์ ได้ชื่อว่า มาร เพราะเหตุไร ?

ตอบ เพราะบางทีทำความลำบากให้ อันเป็นเหตุเบื่อหน่าย จนถึงฆ่าตัวตายเสียเองก็มี ฯ

ถาม กิเลสมาร และมัจจุมาร จัดเข้าในอริยสัจข้อใดได้หรือไม่ ? เพราะเหตุไร ?

ตอบ ได้ ฯ กิเลสมาร จัดเข้าในทุกขสมุทัยสัจ เพราะกิเลสเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ มัจจุมาร จัดเข้าในทุกขสัจ เพราะเป็นตัวทุกข์ ฯ


ถาม บุคคลผู้มีปกติต่อไปนี้ จัดเข้าในจริตอะไร ? จะพึงแก้ด้วยธรรมข้อใด ?

  1. ผู้มีปกติรักสวยรักงาม
  2. ผู้มีปกตินึกพล่าน

ตอบ

  1. ผู้มีปกติรักสวยรักงาม จัดเข้าในราคจริต ฯ จะพึงแก้ด้วยเจริญกายคตาสติ หรืออสุภกัมมัฏฐาน ฯ
  2. ผู้มีปกตินึกพล่าน จัดเข้าในวิตักกจริต ฯ จะพึงแก้ด้วยเพ่งกสิณ หรือเจริญอานาปานสติ ฯ

ถาม พระสงฆ์ ในบทสังฆคุณ 9 ท่านหมายถึงพระสงฆ์เช่นไร ?

ตอบ หมายถึง พระสาวกผู้ได้บรรลุธรรมวิเศษ ฯ

ถาม คำว่า “อุชุปฏิปนฺโน เป็นผู้ปฏิบัติตรง” คือปฏิบัติเช่นไร ?

ตอบ คือไม่ปฏิบัติลวงโลก ไม่มีมายาสาไถย ประพฤติตรง ตรงต่อพระศาสดาและเพื่อนสาวกด้วยกัน ไม่อำพรางความในใจ ไม่มีแง่มีงอน ฯ


ถาม จงให้ความหมายของคำต่อไปนี้ ?

  1. อโหสิกรรม
  2. กตัตตากรรม

ตอบ

  1. อโหสิกรรม คือ กรรมให้ผลสำเร็จแล้ว เป็นกรรมล่วงคราวแล้วเลิกให้ผล เปรียบเหมือนพืชสิ้นยางแล้ว เพาะไม่ขึ้น ฯ
  2. กตัตตากรรม คือ กรรมสักว่าทำ ได้แก่กรรมอันทำด้วยไม่จงใจ ฯ

ถาม ปังสุกูลิกังคะ องค์แห่งผู้ถือผ้าบังสุกุลเป็นวัตร คืออย่างไร ?

ตอบ คือไม่รับจีวรจากทายก เที่ยวแสวงหาและใช้เฉพาะแต่ผ้าบังสุกุลมาเย็บย้อมทำจีวรใช้เอง ฯ

ถาม ธุดงค์ข้อใด ที่ภิกษุสมาทานสำเร็จด้วยอิริยาบถ 3 คือ ยืน เดิน นั่ง ?

ตอบ คือ เนสัชชิกังคะ องค์แห่งภิกษุผู้ถือการนั่งเป็นวัตร ถือเฉพาะอิริยาบถ 3 คือ ยืน เดิน และนั่งเท่านั้น ฯ