๑. นักศึกษาควรมองโลก โดยเปรียบเทียบกับอะไร ?
- ยาพิษ
- ของมึนเมา
- อาหารและยา
- ถูกทุกข้อ
๒. พระพุทธองค์ตรัสเรียกคนไร้วิจารณญาณว่าอะไร ?
- พวกอันธพาล
- พวกนอกลัทธิ
- พวกบุรุษเปล่า
- พวกคนเขลา
๓. พระองค์ตรัสเรียก ผู้รู้โลกตามความเป็นจริงว่าอะไร ?
- ผู้รู้
- ผู้รู้โลกธรรม
- ผู้รู้ทันเหตุการณ์
- ผู้รู้พระไตรปิฎก
๔. ทรงมีพุทธประสงค์ใด จึงตรัสชวนให้มาดูโลกนี้ ?
- เพื่อไม่ให้หลง
- เพื่อให้เห็นคุณและโทษ
- เพื่อไม่ให้มัวเมาติดอยู่
- ถูกทุกข้อ
๕. คนเช่นไร ควรสงเคราะห์เข้าในคำว่า “มาร” ?
- คนเป็นศัตรูกัน
- คนขัดขวางการทำดี
- คนอันธพาล
- คนโกหกหลอกลวง
๖. อะไรเรียกว่า “บ่วงแห่งมาร” ?
- อายตนะภายใน
- อายตนะภายนอก
- โลภ โกรธ หลง
- สิ่งที่ผูกใจให้ติดอยู่
๗. ทำอย่างไร จึงจะพ้นจากบ่วงแห่งมาร ?
- สำรวมอินทรีย์มิให้ความยินดีครอบงำ
- รักษาศีลให้บริสุทธิ์
- ปรับอารมณ์มิให้ขุ่นมัว
- หมั่นอ่านหนังสือธรรมะ
๘. ความไม่ดีในข้อใด จัดเป็นมาร ?
- ความโกรธทำลายล้าง
- ความเกียจคร้าน
- เจตสิกอันเศร้าหมองชักให้ใคร่
- ความเห็นแก่ตัว
๙. ปฏิบัติอย่างไร จึงจะตัดบ่วงแห่งมารได้ เป็นสมุจเฉทปหาน ?
- สำรวมอินทรีย์
- มนสิการกัมมัฏฐาน
- เจริญวิปัสสนา
- เข้าฌานสมาบัติ
๑๐. คำว่า “สังขาร” ในปฏิปทาแห่งนิพพิทา หมายถึงอะไร ?
- สภาพที่ปรุงแต่งจิต
- ปัญจขันธ์
- อินทรีย์
- อายตนะ
๑๑. ความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปแห่งสังขาร เป็นลักษณะแห่งอะไร ?
- อนิจจลักษณะ
- ทุกขลักษณะ
- อนัตตลักษณะ
- สัปปุริสลักษณะ
๑๒. ทุกข์เพราะหาเงินไม่พอใช้ จัดเป็นทุกข์อะไร ?
- สภาวทุกข์
- นิพัทธทุกข์
- วิปากทุกข์
- อาหารปริเยฏฐิทุกข์
๑๓. ทุกข์ไปด้วยกัน หรือทุกข์กำกับกัน อันได้ชื่อว่าสหคตทุกข์ ตรงกับข้อใด ?
- ขันธ์ ๕
- อายตนะ ๑๒
- อคติ ๔
- โลกธรรม ๘
๑๔. ทุกขขันธ์ อันเป็นทุกข์รวบยอด ได้แก่อะไร ?
- ความยึดมั่นปัญจขันธ์
- การหาเลี้ยงปัญจขันธ์
- การเยียวยาปัญจขันธ์
- ความหนักแห่งปัญจขันธ์
๑๕. ข้อใด จัดเป็นปกิณณกทุกข์ ?
- ความแก่
- ความเศร้าโศกเสียใจ
- ความหิวกระหาย
- ความทะเลาะวิวาท
๑๖. สังขารเป็นอนัตตา โดยความเป็นสภาพหาเจ้าของมิได้ คือข้อใด ?
- นั่นมิใช่ของเรา
- นั่นมิใช่เรา
- นั่นมิใช่ตัวของเรา
- ถูกทุกข้อ
๑๗. เพราะอะไรปิดบังไว้ จึงไม่เห็นสังขารเป็นอนัตตา ?
- สำคัญว่าเที่ยง
- สำคัญว่าไม่ใช่ของเรา
- สำคัญว่าเป็นสุข
- สำคัญว่าเป็นกองเป็นก้อน
๑๘. ความเบื่อหน่ายเกิดจากปัญญานั้น ได้แก่เบื่อหน่ายอะไร ?
- เบื่อหน่ายทั่วไป
- เบื่อหน่ายสังขาร
- เบื่อหน่ายปัญจขันธ์
- เบื่อหน่ายภพชาติ
๑๙. เมื่อจิตเบื่อหน่าย ย่อมเกิดอะไรขึ้น ?
- ความไม่ฟุ้งซ่าน
- ความไม่หลง
- ความสิ้นกิเลส
- ความสิ้นกำหนัด
๒๐. ข้อว่า “ธรรมยังความเมาให้สร่าง” นั้น เมาอะไร ?
- เมาสุราเมรัย
- เมาสิ่งเสพติดให้โทษ
- เมาอายุ วัย ยศ
- เมากิเลส ตัณหา ราคะ
๒๑. ข้อว่า “นำเสียซึ่งความระหาย” หมายความว่าอย่างไร ?
- กำจัดความหิวได้
- กำจัดความทุกข์ร้อนได้
- กำจัดตัณหาเสียได้
- กำจัดความยากจนได้
๒๒. ข้อใด มีความหมายตรงกับคำว่า “อาลัย” ?
- ความติดใจ
- ความสูญเสีย
- ความเศร้าโศก
- ความสมหวัง
๒๓. ข้อใด ไม่ใช่ความหมายของตัณหา ?
- ความอยาก
- ความหงุดหงิด
- ความเพลิดเพลิน
- ความปรารถนา
๒๔. วิกขัมภนวิมุตติ ความหลุดพ้นด้วยข่มไว้นั้น ข่มอะไร ?
- นิวรณ์
- โทสะ
- ตัณหา
- กิเลส
๒๕. การบรรลุอริยผล ด้วยการเจริญวิปัสสนาอย่างเดียว จัดเป็น…?
- เจโตวิมุตติ
- ปัญญาวิมุตติ
- วิกขัมภนวิมุตติ
- สมุจเฉทวิมุตติ
๒๖. ข้อใด ไม่ใช่สัมมาสังกัปปะ ?
- คิดลด ละ เลิกกาม
- คิดลด ละ เลิกพยาบาท
- คิดลด ละ เลิกชีวิต
- คิดลด ละ เลิกเบียดเบียน
๒๗. ข้อใด ไม่ใช่สัมมากัมมันตะ ?
- เว้นธุรกิจผิดกฎหมาย
- เว้นเจรจาหลอกลวง
- เว้นลักฉ้อคอร์รัปชั่น
- เว้นธุรกิจค้าประเวณี
๒๘. ข้อใด ไม่ใช่สัมมาวายามะ ?
- เพียรพยายามหนีปัญหา
- เพียรหาวิธีป้องกันปัญหา
- เพียรพยายามระงับปัญหา
- เพียรพัฒนาสิ่งดีงามขึ้นมา
๒๙. ข้อใด ไม่นับเข้าในสัมมาสติ ?
- เห็นโลกว่าเที่ยง
- เห็นกายว่าเป็นสิ่งไม่งาม
- เห็นเวทนาว่าแปรปรวน
- เห็นจิตว่ามีความเกิดดับ
๓๐. สัมมาสติ จัดเข้าในวิสุทธิข้อใด ?
- สีลวิสุทธิ
- จิตตวิสุทธิ
- ทิฏฐิวิสุทธิ
- กังขาวิตรณวิสุทธิ
๓๑. ข้อใด มีความหมายสอดคล้องกับสีลวิสุทธิ ?
- เบื่อหน่ายการอยู่ครองเรือน
- ประกอบอาชีพสุจริต
- เห็นว่าทุกข์เป็นสิ่งมีอยู่จริง
- สอดคล้องทั้ง ๓ ข้อ
๓๒. ข้อใด ไม่ใช่แนวคิดแบบวิถีพุทธ ?
- อยากได้สันติ ควรพอกพูนทางสันติ
- ผู้มุ่งสันติ ควรละผลประโยชน์ที่เป็นอามิส
- อยากให้เกิดสันติ ควรทำให้คนเลิกจน
- สันติภาพภายนอก เกิดจากสันติภาพภายใน
๓๓. ข้อใด จัดว่าสวนทางกับพระนิพพาน ?
- วิมุตติ หลุดพ้น
- วิสุทธิ บริสุทธิ์
- อรติ ไม่ยินดี
- สันติ สงบ
๓๔. “ผู้เพ่งความสงบพึงละโลกามิสเสีย” โลกามิสคืออะไร ?
- กามคุณ
- กามฉันทะ
- กามกิเลส
- กามราคะ
๓๕. ปฏิบัติเช่นไร ชื่อว่าปฏิบัติใกล้พระนิพพาน ?
- ยินดีในสมถะ
- ยินดีในวิปัสสนา
- เห็นโทษการครองเรือน
- เห็นภัยในความประมาท
๓๖. ผู้มีจิตเป็นสมาธิตั้งมั่นดีแล้ว ย่อมรู้เห็นอะไร ?
- สภาพเป็นจริง
- ภพชาติ
- อารมณ์
- ตัวตน
๓๗. กายคตาสติ สติไปในกาย พึงกำหนดเห็นด้วยอาการอย่างไร ?
- เห็นอาการ ๓๒
- เห็นเป็นของน่าเกลียด
- เห็นว่าไม่เที่ยง
- เห็นว่าไม่มีตัวตน
๓๘. กายคตาสตินั้น เป็นคู่ปรับแก่นิวรณ์ใด ?
- กามฉันทะ
- ถีนมิทธะ
- อุทธัจจกุกกุจจะ
- วิจิกิจฉา
๓๙. ผู้หมั่นเจริญเมตตา ย่อมได้อานิสงส์อะไร ?
- รักตัวเองมากขึ้น
- รักผู้อื่นมากขึ้น
- กำจัดโทสะเสียได้
- รู้จักให้อภัยไม่จองเวร
๔๐. วิธีแผ่กรุณา ท่านสอนให้แผ่อย่างไร ?
- ขอสัตว์จงเป็นสุขเถิด
- ขอสัตว์จงพ้นจากทุกข์เถิด
- ขอสัตว์อย่าจองเวรกัน
- ขอสัตว์อย่าเบียดเบียนกัน
๔๑. ข้อใด เป็นวิธีแผ่มุทิตา ?
- ขอสัตว์จงเป็นสุขเถิด
- ขอสัตว์จงมีสุขยิ่งขึ้นไป
- ขอสัตว์จงพ้นทุกข์
- ขอสัตว์จงอย่ามีเวรกัน
๔๒. ขณะกราบพระรัตนตรัย ๓ ครั้ง ควรมีสติระลึกถึงอะไร ?
- พระรัตนตรัย
- คุณพระรัตนตรัย
- พระพุทธคุณ
- พระธรรมคุณ
๔๓. การเจริญมรณัสสติว่า “อวสฺสํ มยา มริตพฺพํ เราต้องตายแน่” ควรเจริญในขณะใด ?
- ขณะรดน้ำศพ
- ขณะฟังสวดพระอภิธรรม
- ขณะเผาศพ
- เจริญได้ทุกขณะ
๔๔. เมื่อกล่าวบทว่า “นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส” ควรมีสติกำหนดอะไร จึงเป็นการเจริญกัมมัฏฐาน ?
- พระพุทธคุณ
- พระธรรมคุณ
- พระสังฆคุณ
- กำหนดจิตไม่ให้ฟุ้งซ่าน
๔๕. ขณะรับบิณฑบาต พระสงฆ์พึงเจริญกัมมัฏฐานอะไร ?
- เมตตาพรหมวิหาร
- อาหาเรปฏิกูลสัญญา
- ไม่ได้เจริญแต่สำรวมระวัง
- ไม่ได้เจริญแต่สวดให้พร
๔๖. พระสงฆ์ออกเดินธุดงค์ไปในที่ต่างๆ เพื่อจุดประสงค์ใด ?
- เพื่อขัดเกลากิเลส
- เพื่อไม่ติดที่และบุคคล
- เพื่อเผยแผ่ธรรม
- ถูกทุกข้อ
๔๗. พระธุดงค์ประเภทใด ถือว่าปฏิบัติไม่ถูกต้อง ?
- นำวัตถุมงคลไปแจก
- ดูหมอ ให้หวย
- ปักกลดย่านชุมชน
- ถูกทุกข้อ
๔๘. คำว่า “ทำงานด้วยจิตว่าง” นั้น หมายถึงทำอย่างไร ?
- เจริญกัมมัฏฐานไปด้วย
- ไม่ให้ถูกความโกรธครอบงำ
- ทำจิตให้ปราศจากอารมณ์
- ทำงานอย่างมีสติ
๔๙. คำว่า “จิตว่าง” นั้น หมายถึงว่างจากอะไร ?
- อารมณ์
- นิวรณ์
- ความเครียด
- ความกังวล
๕๐. อะไรเป็นผลสูงสุดของวิปัสสนา ?
- เห็นสังขารตามเป็นจริง
- เห็นสังขารเกิดดับ
- เห็นสังขารน่ากลัว
- เห็นสังขารเป็นทุกข์