ปัญหาข้อที่ 1
ถาม ในพระวินัยส่วนอภิสมาจาร มีพระพุทธบัญญัติให้รักษาความสะอาดเกี่ยวกับร่างกายไว้อย่างไร ? การเคี้ยวไม้ชำระฟันมีประโยชน์อย่างไร ?
ตอบ
มีพระพุทธบัญญัติว่าด้วยกายบริหารไว้ว่า ห้ามไว้ผมยาว 1 ห้ามไว้หนวดเครา 1 ห้ามไว้เล็บยาว 1 ห้ามไว้ขนจมูกยาว 1 เมื่อถ่ายอุจจาระแล้ว น้ำมีอยู่ไม่ชำระไม่ได้ 1 อนุญาตให้ใช้ไม้ชำระฟัน 1 น้ำดื่มให้กรองก่อน 1 ฯ
การเคี้ยวไม้ชำระฟันมีประโยชน์ คือ
- ฟันไม่สกปรก
- ปากไม่เหม็น
- เส้นประสาทรับรสหมดจดดี
- เสมหะไม่หุ้มอาหาร
- ฉันอาหารมีรส ฯ
ปัญหาข้อที่ 2
ถาม บริขารเหล่านี้คือ ไตรจีวร ฟูกเตียง (ที่นอน) หมอนหนุนศีรษะ เตียง ผ้าปูนอน ผ้าเช็ดหน้า ฟูกตั่ง (เบาะ) ผ้านิสีทนะ อย่างไหนจัดเป็นบริขารเครื่องบริโภค อย่างไหนจัดเป็นบริขารเครื่องเสนาสนะ ?
ตอบ ไตรจีวร ผ้าปูนอน ผ้าเช็ดหน้า ผ้านิสีทนะ จัดเป็นบริขารเครื่องบริโภคฟูกเตียง (ที่นอน) หมอนหนุนศีรษะ เตียง ฟูกตั่ง (เบาะ) จัดเป็นบริขารเครื่องเสนาสนะ ฯ
ปัญหาข้อที่ 3
ถาม ในพระวินัย ทรงอนุญาตบาตรไว้กี่ชนิด ? อะไรบ้าง ? และมีธรรมเนียมระวังรักษาบาตรอย่างกวดขันไว้อย่างไร ?
ตอบ
ทรงอนุญาตไว้ 2 ชนิด คือ บาตรดินเผา (สุมดำสนิท) 1 บาตรเหล็ก 1 ฯ
มีธรรมเนียมระวังรักษาบาตรอย่างกวดขัน คือ ห้ามไม่ให้วางบาตร เก็บบาตรไว้ในที่ๆ บาตรจะตกแตก และในที่จะประทุษร้ายบาตร ห้ามคว่ำบาตรไว้ที่พื้นคมแข็งอันจะ ประทุษร้ายบาตร ห้ามไม่ให้แขวนบาตร และห้ามไม่ให้ใช้บาตรต่างกระโถน ห้ามไม่ให้เก็บไว้ทั้งยังเปียก มีบาตรอยู่ในมือห้ามไม่ให้ผลักบานประตู เป็นต้น ฯ
ปัญหาข้อที่ 4
ถาม จงให้ความหมายของคำดังต่อไปนี้
- นิสสัย
- วัตร
- อุปัชฌายะ
- อาจารย์
- สัทธิวิหาริกวัตร
ตอบ
- นิสสัย คือ กิริยาที่พึ่งพิง
- วัตร หมายถึง ขนบคือแบบอย่าง อันภิกษุควรประพฤติในกาลนั้นๆ ในที่นั้นๆ ในกิจนั้น แก่บุคคลนั้นๆ
- อุปัชฌายะ คือ ภิกษุผู้รับให้สัทธิวิหาริกพึ่งพิง
- อาจารย์ คือ ภิกษุผู้รับให้อันเตวาสิกพึ่งพิง
- สัทธิวิหาริกวัตร คือ หน้าที่อันอุปัชฌายะจะพึงทำแก่สัทธิวิหาริก ฯ
ปัญหาข้อที่ 5
ถาม กิจวัตรที่สัทธิวิหาริกควรกระทำแก่พระอุปัชฌายะในข้อว่า เคารพในท่าน นั้น ในบาลีท่านแสดงไว้อย่างไร ?
ตอบ ในบาลีแสดงการเดินตามท่าน ไม่ให้ชิดนัก ไม่ให้ห่างนัก และไม่พูดสอดในขณะที่ท่านกำลังพูด เมื่อท่านพูดผิด ไม่ทักหรือค้านอย่างจังๆ พูดอ้อมพอท่านได้สติรู้สึกตัว จึงจะเป็นการดี ฯ
ปัญหาข้อที่ 6
ถาม การตั้งญัตติกรรม ในเวลาทำอุโบสถ มีคำว่า ปตฺตกลฺลํ แปลว่า ความพรั่งพร้อม นั้น หมายความว่าอย่างไร ?
ตอบ หมายความว่า การทำอุโบสถกรรมนั้น ต้องประกอบด้วยองค์ 4 คือ
- วันนั้น เป็นวันอุโบสถที่ 14 หรือ 15 หรือวันสามัคคี วันใดวันหนึ่ง
- ภิกษุประชุมครบองค์ประชุม
- พวกเธอไม่ต้องสภาคาบัติ
- บุคคลที่ควรเว้นไม่มีในที่ประชุม ฯ
ปัญหาข้อที่ 7
ถาม ในอาวาสแห่งหนึ่งมีภิกษุจำพรรษาแรก 4 รูป พรรษาหลัง 2 รูป เมื่อถึงวันปวารณาแรก (เพ็ญเดือน 11) และวันปวารณาหลัง (เพ็ญเดือน 12) เธอทั้ง 6 รูปนั้น จะปฏิบัติอย่างไร ?
ตอบ เมื่อถึงวันปวารณาแรก พึงประชุมกันทั้ง 6 รูปแล้ว ตั้งสังฆญัตติ ภิกษุผู้จำพรรษาแรก 4 รูปพึงปวารณา เมื่อเสร็จแล้วภิกษุอีก 2 รูปพึงทำปาริสุทธิอุโบสถ ในสำนักภิกษุ 4 รูปนั้น เมื่อถึงวันปวารณาหลัง พึงประชุมกัน 6 รูปเช่นเดียวกันแล้ว ภิกษุผู้จำพรรษาแรก 4 รูป พึงตั้งญัตติสวดปาฏิโมกข์ เมื่อจบแล้วภิกษุ 2 รูป พึงปวารณาในสำนักภิกษุ 4 รูปนั้น ฯ
ปัญหาข้อที่ 8
ถาม ภิกษุบิณฑบาตได้สับปะรดแล้ว นำมาฉันรวมกับน้ำตาลทรายและเกลือซึ่งรับประเคนไว้แล้ว 2 วัน จะต้องอาบัติอะไรหรือไม่ ? เพราะเหตุไร ?
ตอบ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เพราะน้ำตาลทรายเป็นสัตตาหกาลิก เกลือเป็นยาวชีวิก เมื่อนำมาฉันรวมกับสับปะรดซึ่งเป็นยาวกาลิก จึงมีคติเป็นยาวกาลิก ทำให้ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เพราะฉันของเป็นสันนิธิ ฯ
ปัญหาข้อที่ 9
ถาม ภัณฑะเช่นไรที่จัดเป็นของสงฆ์ ? กำหนดไว้กี่ประเภท ? อะไรบ้าง ? บิณฑบาต กุฎี ที่ดิน จีวร ประคดเอว และเสนาสนะ เป็นภัณฑะประเภทไหน ?
ตอบ ภัณฑะที่เขาถวายเป็นสาธารณะแก่หมู่ภิกษุ ไม่เฉพาะตัว หรือภัณฑะอันภิกษุรับก็ดี ปกครองหวงห้ามไว้ก็ดีด้วยความเป็นสาธารณะแก่หมู่ภิกษุ จัดเป็นของสงฆ์ ฯ กำหนดไว้ 2 ประเภทคือ ครุภัณฑ์ 1 ลหุภัณฑ์ 1 ฯ บิณฑบาต จีวร ประคดเอว จัดเป็นลหุภัณฑ์ กุฎี ที่ดิน และเสนาสนะ จัดเป็นครุภัณฑ์ ฯ
ปัญหาข้อที่ 10
ถาม มหาปเทส คืออะไร ? น้ำตาลสด มิได้ทรงอนุญาตไว้โดยตรงให้ภิกษุฉันได้เหมือนน้ำอ้อย แต่ฉันได้เพราะอะไร ? จงตอบให้มีหลัก
ตอบ คือ ข้อสำหรับอ้างใหญ่ ฯ แม้มิได้ทรงอนุญาตโดยตรงให้ภิกษุฉันได้ก็จริง แต่เพราะน้ำตาลสดเป็นของมีรสหวาน สำเร็จประโยชน์เช่นเดียวกันกับรสหวานแห่งอ้อย ชื่อว่าเป็นของเข้ากันกับรสหวานแห่งอ้อย ดังมีระบุไว้ในมหาปเทศ 4 ข้อว่า สิ่งใดไม่ได้ทรงอนุญาตไว้ว่าควร แต่เข้ากันกับสิ่งเป็นกัปปิยะ ขัดกันต่อสิ่งเป็นอกัปปิยะ สิ่งนั้นควร ฯ