ปัญหาข้อที่ 1
ถาม อนุพุทธบุคคล คือใคร ? เป็นได้เฉพาะบรรพชิตหรือเฉพาะคฤหัสถ์ ?
ตอบ คือ สาวกของพระพุทธเจ้า ที่ท่านได้ตรัสรู้มรรคผลตามพระพุทธเจ้า ฯ เป็นได้ทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ ฯ
ปัญหาข้อที่ 2
ถาม พระวาจาว่า ท่านจงเป็นภิกษุมาเถิด ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว ท่านจงประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อทำที่สุดทุกข์โดยชอบเถิด ดังนี้ คำว่า ที่สุดทุกข์ คืออะไร ? ผู้ทำที่สุดทุกข์ได้ก่อนกว่าผู้อื่นคือใคร ? ด้วยพระธรรมเทศนาอะไร ?
ตอบ
- คำว่า ที่สุดทุกข์ คือ พระอรหัตผล ฯ
- ผู้ทำที่สุดทุกข์ได้ก่อนกว่าผู้อื่น คือ พระภิกษุปัญจวัคคีย์ ฯ
- ด้วยพระธรรมเทศนาชื่อว่า อนัตตลักขณสูตร ฯ
ปัญหาข้อที่ 3
ถาม พระพุทธเจ้าทรงทำอิทธาภิสังขารแก่ใครเป็นครั้งแรก ? ทรงทำเช่นนั้นด้วยพระพุทธประสงค์อย่างไร ?
ตอบ ทรงทำแก่ ยสกุลบุตรและบิดาของยสกุลบุตรเป็นครั้งแรก ฯ ด้วยพระพุทธประสงค์เพื่อให้ยสกุลบุตรพิจารณาภูมิธรรมอันตนได้เห็นแล้ว จนถึงได้บรรลุพระอรหัต และให้บิดาได้ฟังธรรมแล้วบรรลุพระโสดาปัตติผล ฯ
ปัญหาข้อที่ 4
ถาม ในคราวที่เสด็จไปโปรดพระเจ้าพิมพิสาร ณ ลัฏฐิวัน มีพระสาวกตามเสด็จไปเป็นจำนวนมาก ผู้ที่เป็นหัวหน้าของพระสาวกเหล่านั้นคือใคร ? และท่านมีส่วนสำคัญในการประกาศพระศาสนาในครั้งนั้นอย่างไร ?
ตอบ คือ พระอุรุเวลกัสสปะ ฯ ท่านเป็นที่เคารพนับถือของมหาชน ได้ประกาศความไม่มีแก่นสารแห่งลัทธิเก่าของตน และความที่ตนเป็นสาวกของพระพุทธองค์ ทำให้พระเจ้าพิมพิสารพร้อมด้วยบริวาร 12 ส่วน น้อมจิตลงสดับพระธรรมเทศนาเรื่องอนุปุพพีกถาและอริยสัจ 4 พระเจ้าพิมพิสารพร้อมด้วยบริวาร 11 ส่วน ได้ดวงตาเห็นธรรม อีก 1 ส่วน ตั้งอยู่ในไตรสรณคมน์ ฯ
ปัญหาข้อที่ 5
ถาม เมื่อครั้งพระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่เมืองเทวทหะ รับสั่งกับพระภิกษุผู้เข้าเฝ้าเพื่อทูลลาไปปัจฉาภูมิชนบท ให้ไปลาพระเถระรูปใด ? และทรงยกย่องพระเถระรูปนั้นว่าอย่างไร ?
ตอบ รับสั่งให้ไปลาพระสารีบุตรเถระ ฯ ทรงยกย่องท่านว่า เป็นผู้มีปัญญา อนุเคราะห์เพื่อนบรรพชิต ฯ
ปัญหาข้อที่ 6
ถาม พระมหากัสสปะออกบวชเพราะมีความเห็นอย่างไร ? ท่านได้รับยกย่องว่าเลิศในทางไหน ?
ตอบ เพราะมีความเห็นว่า ผู้อยู่ครองเรือนต้องคอยนั่งรับบาปเพราะการงานที่ผู้อื่นทำไม่ดี และเห็นว่าฆราวาสคับแคบ เป็นทางมาแห่งกิเลสธุลี จึงมีใจเบื่อหน่ายสละสมบัติออกบวชอุทิศพระอรหันต์ในโลก ฯ ได้รับยกย่องว่า เป็นเลิศแห่งภิกษุผู้ทรงธุดงค์ ฯ
ปัญหาข้อที่ 7
ถาม บุคคลประเภทที่ว่า ธัมมัปปมาณิกา ผู้ถือธรรมเป็นประมาณ มีอธิบายอย่างไร ? ในข้อนี้มีตัวอย่างแสดงไว้อย่างไร ?
ตอบ มีอธิบายว่า บุคคลประเภทนี้ถือธรรมเป็นสำคัญ ชอบใจเฉพาะข้อปฏิบัติ เห็นผู้ที่ตั้งอยู่ในสังวรมีมรรยาทเรียบร้อย และได้ฟังธรรมอันท่านแสดงมุ่งกล่าวเฉพาะข้อปฏิบัติ ย่อมเลื่อมใส ฯ ตัวอย่างเช่นพระสารีบุตรได้เห็นพระอัสสชิ และได้ฟังธรรมของท่านแล้ว จึงเกิดความเลื่อมใส ฯ
ศาสนพิธี
ปัญหาข้อที่ 8
ถาม การทำวัตร และการสวดมนต์ ต่างกันอย่างไร ?
ตอบ การทำวัตร คือ การทำกิจวัตรที่ต้องทำประจำ วันละ 2 เวลา คือ เช้า-เย็น จนเป็นวัตรปฏิบัติ มีการสวดบูชาพระรัตนตรัย และสวดพิจารณาปัจจัยที่บริโภคเป็นต้น ส่วนการสวดมนต์คือ การสวดพระพุทธมนต์ต่างๆ นอกเหนือจากบทสวดทำวัตร ที่เป็นส่วนพระสูตรก็มี ที่เป็นส่วนพระปริตรก็มี ที่เป็นส่วนเฉพาะคาถาอันนิยมกำหนดให้นำมาสวดประกอบในการสวดมนต์เป็นประจำก็มี ฯ
ปัญหาข้อที่ 9
ถาม คำต่อไปนี้หมายถึงอะไร ?
- เทศน์มหาชาติ
- ทำบุญอัฐิ
- สามัญอนุโมทนา
- วิเสสอนุโมทนา
- สลากภัต
ตอบ
- เทศน์มหาชาติ หมายถึง เทศนาเรื่องพระเวสสันดรชาดก
- ทำบุญอัฐิ หมายถึง ทำบุญหลังจากการปลงศพปรารภผู้ล่วงลับแล้ว
- สามัญอนุโมทนา หมายถึง การอนุโมทนาที่นิยมใช้ปฏิบัติกันทั่วไปเป็นปกติ
- วิเสสอนุโมทนา หมายถึง การอนุโมทนาด้วยบทสวดสำหรับอนุโมทนาเป็นพิเศษ เฉพาะทาน เฉพาะกาล เฉพาะเรื่อง
- สลากภัต หมายถึง ภัตตาหารที่ทายก ทายิกาถวายตามสลาก ฯ
ปัญหาข้อที่ 10
ถาม ประเพณีการเทศน์แจงและการสวดแจงอาศัยเค้ามูลมาจากเรื่องอะไร ? นิยมเทศน์ในงานอะไร ?
ตอบ อาศัยเค้ามูลมาจากเรื่องการทำปฐมสังคายนา ซึ่งเป็นการรวบรวมพระธรรมวินัย จัดไว้เป็นหมวดหมู่ เรียกว่า พระไตรปิฎก ดังนั้นการเทศน์แจงจึงเป็นการแสดงธรรมแจกแจงวัตถุและหัวข้อในพระไตรปิฎก ในการทำปฐมสังคายนา มีการกสงฆ์จำนวน 500 รูป การสวดแจงจึงนิยมนิมนต์พระสงฆ์ 500 รูป ให้เท่าจำนวนการกสงฆ์ในครั้งนั้น ฯ นิยมเทศน์ในงานฌาปนกิจศพ ฯ