สัจจะ แปลว่า ความจริง หมายเอาความจริงที่มีอยู่บนโลก ความจริงที่ชาวโลกทั้งหลายกำหนดรู้กัน แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
- สมมติสัจจะ ความจริงโดยสมมุติ
- ปรมัตถสัจจะ ความจริงโดยปรมัตถ์
สมมติสัจจะ
สมมติสัจจะ คือ ความจริงโดยสมมุติ หมายถึง ความจริงที่ขึ้นต่อการยอมรับของคน หรือ ความจริงที่ถือตามความกำหนดหมายตกลงกันของชาวโลก เช่น ความจริงที่ว่า นี้เป็นคน นี้เป็นสัตว์ นี้เป็นสิ่งของ นี้เป็นโต๊ะ นี้เป็นเก้าอี้ เป็นต้น เป็นความจริงที่ชาวโลกสมมุติขึ้นมาเพื่อกำหนดหมายให้เข้าใจกัน
ลักษณะของสมมติสัจจะคือ
- เป็นความจริงที่เกิดขึ้นจากการยอมรับร่วมกันของมนุษย์
- ขึ้นอยู่กับวัฒนธรรม ภาษา และบริบท
- เปลี่ยนแปลงได้ตามกาลเวลา
- ตัวอย่าง:
- แนวคิดเรื่อง “ประเทศ”
- คำศัพท์ “โต๊ะ” “เก้าอี้”
- ระบบเงินตรา
ปรมัตถสัจจะ
ปรมัตถสัจจะ ความจริงโดยปรมัตถ์ หมายถึง ความจริงที่มีอยู่ในธรรมชาติ โดยไม่ได้ขึ้นต่อการยอมรับของคน ความจริงตามความหมายขั้นสุดท้ายที่ตรงตามสภาวะและเท่าที่จะกล่าวถึงได้ เช่น รูป นาม เวทนา จิต เจตสิก เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ ชาวโลกจะยอมรับหรือไม่ยอมรับ มันก็ยังคงเป็นความจริงอยู่อย่างนั้น ไม่เปลี่ยนแปลง
ลักษณะของปรมัตถสัจจะคือ
- เป็นความจริงแท้ที่ไม่เปลี่ยนแปลง
- เป็นสภาวะตามธรรมชาติ
- ไม่ขึ้นอยู่กับความคิดหรือความเชื่อ
- ตัวอย่าง:
- รูป นาม เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
- ไตรลักษณ์ (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา)
- นิพพาน
สมมติสัจจะและปรมัตถสัจจะมีความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กัน คือ
- สมมติสัจจะ เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เข้าใจปรมัตถสัจจะ
- ปรมัตถสัจจะ เป็นพื้นฐานของสมมติสัจจะ
ตัวอย่างเช่น
- แนวคิดเรื่อง “บุคคล” เป็นสมมติสัจจะ
- แต่ “ขันธ์ 5” ที่ประกอบเป็น “บุคคล” เป็นปรมัตถสัจจะ