สัจจะ 2

สัจจะ แปลว่า ความจริง หมายเอาความจริงที่มีอยู่บนโลก ความจริงที่ชาวโลกทั้งหลายกำหนดรู้กัน แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ

  1. สมมติสัจจะ ความจริงโดยสมมุติ
  2. ปรมัตถสัจจะ ความจริงโดยปรมัตถ์

สมมติสัจจะ

สมมติสัจจะ คือ ความจริงโดยสมมุติ หมายถึง ความจริงที่ขึ้นต่อการยอมรับของคน หรือ ความจริงที่ถือตามความกำหนดหมายตกลงกันของชาวโลก เช่น ความจริงที่ว่า นี้เป็นคน นี้เป็นสัตว์ นี้เป็นสิ่งของ นี้เป็นโต๊ะ นี้เป็นเก้าอี้ เป็นต้น เป็นความจริงที่ชาวโลกสมมุติขึ้นมาเพื่อกำหนดหมายให้เข้าใจกัน

ลักษณะของสมมติสัจจะคือ

  • เป็นความจริงที่เกิดขึ้นจากการยอมรับร่วมกันของมนุษย์
  • ขึ้นอยู่กับวัฒนธรรม ภาษา และบริบท
  • เปลี่ยนแปลงได้ตามกาลเวลา
  • ตัวอย่าง:
    • แนวคิดเรื่อง “ประเทศ”
    • คำศัพท์ “โต๊ะ” “เก้าอี้”
    • ระบบเงินตรา

ปรมัตถสัจจะ

ปรมัตถสัจจะ ความจริงโดยปรมัตถ์ หมายถึง ความจริงที่มีอยู่ในธรรมชาติ โดยไม่ได้ขึ้นต่อการยอมรับของคน ความจริงตามความหมายขั้นสุดท้ายที่ตรงตามสภาวะและเท่าที่จะกล่าวถึงได้ เช่น รูป นาม เวทนา จิต เจตสิก เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ ชาวโลกจะยอมรับหรือไม่ยอมรับ มันก็ยังคงเป็นความจริงอยู่อย่างนั้น ไม่เปลี่ยนแปลง

ลักษณะของปรมัตถสัจจะคือ

  • เป็นความจริงแท้ที่ไม่เปลี่ยนแปลง
  • เป็นสภาวะตามธรรมชาติ
  • ไม่ขึ้นอยู่กับความคิดหรือความเชื่อ
  • ตัวอย่าง:
    • รูป นาม เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
    • ไตรลักษณ์ (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา)
    • นิพพาน

สมมติสัจจะและปรมัตถสัจจะมีความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กัน คือ

  • สมมติสัจจะ เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เข้าใจปรมัตถสัจจะ
  • ปรมัตถสัจจะ เป็นพื้นฐานของสมมติสัจจะ

ตัวอย่างเช่น

  • แนวคิดเรื่อง “บุคคล” เป็นสมมติสัจจะ
  • แต่ “ขันธ์ 5” ที่ประกอบเป็น “บุคคล” เป็นปรมัตถสัจจะ