ปัญหาและเฉลยวิชาวินัยบัญญัติ  นักธรรมชั้นเอก พ.ศ. 2545

ถาม คำว่า ญัตติ อนุสาวนา อปโลกนะ อุปสัมปทาเปกขะ ได้แก่อะไร ? จงชี้แจง

ตอบ

  • ญัตติ ได้แก่ คำเผดียงสงฆ์
  • อนุสาวนา ได้แก่ คำประกาศปรึกษาและตกลงของสงฆ์
  • อปโลกนะ ได้แก่ การบอกกันในที่ประชุมสงฆ์ ไม่ต้องตั้งญัตติ ไม่ต้องสวดอนุสาวนา
  • อุปสัมปทาเปกขะ ได้แก่ กุลบุตรผู้มุ่งอุปสมบท ฯ

ถาม ภิกษุผู้สามารถสวดกรรมวาจาได้แม่นยำและสละสลวย ต้องพร้อมด้วยคุณสมบัติอย่างไรบ้าง ?

ตอบ อย่างนี้ คือ

  1. รู้จักประเภทของอักขระ
  2. รู้จักฐานกรณ์ของอักขระ
  3. ว่าเป็น ฯ

ถาม ภิกษุผู้นับเข้าในจำนวนสงฆ์ผู้ทำกรรมนั้นๆ ต้องเป็นภิกษุเช่นไร ?

ตอบ ต้องเป็นภิกษุปกติ ไม่ถูกสงฆ์ยกเสียจากหมู่ด้วยอุกเขปนียกรรม มีสังวาสเสมอด้วยสงฆ์ และเป็นสมานสังวาสของกันและกัน ฯ

ถาม เวลาทำสังฆกรรม ภิกษุที่อยู่ในสีมาเดียวกัน นับเข้าในจำนวนสงฆ์ผู้ทำกรรมทั้งหมดใช่หรือไม่ ? จงอธิบาย

ตอบ ไม่ใช่ เพราะภิกษุที่เหลือจากจำนวนผู้ไม่มาเข้ากรรม เป็นผู้ควรให้ฉันทะ สงฆ์ทำกรรมเพื่อภิกษุใด ภิกษุนั้นก็ไม่นับเข้าในจำนวนสงฆ์ และไม่ใช่ผู้ควรให้ฉันทะ แต่เป็นผู้ควรเข้ากรรมนั้น ฯ


ถาม วิสุงคามสีมา พัทธสีมา ได้แก่สีมาเช่นไร ?

ตอบ

  • วิสุงคามสีมา ได้แก่ เขตที่สงฆ์ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตยกให้เป็นแผนกหนึ่งจากบ้าน ฯ
  • พัทธสีมา ได้แก่ วิสุงคามสีมานั้นเองอันสงฆ์ผูกแล้ว คือสมมติเป็นสมานสังวาสสีมาแล้ว ฯ

ถาม กฐิน เป็นสังฆกรรมอะไร ? การรับกฐิน ตลอดจนถึงกราน ต้องทำในสีมาอย่างเดียว หรือทำนอกสีมาก็ได้ ?

ตอบ เป็นญัตติทุติยกรรม ฯ การรับกฐิน การอปโลกน์เพื่อให้ผ้ากฐิน และการกรานกฐิน ทำในสีมาหรือนอกสีมาก็ได้ การสวดญัตติทุติยกรรมวาจาให้ผ้ากฐิน ต้องทำในสีมาอย่างเดียว ฯ


ถาม กฐินจะเดาะหรือไม่เดาะ กำหนดรู้ได้อย่างไร ?

ตอบ กฐินเดาะ กำหนดรู้ได้ด้วยอาวาสปลิโพธและจีวรปลิโพธขาด หรือสิ้นเขตจีวรกาลที่ขยายออกไปอีก 4 เดือน กฐินไม่เดาะ กำหนดรู้ได้ด้วยอาวาสปลิโพธหรือ จีวรปลิโพธอย่างใดอย่างหนึ่งยังไม่ขาด และยังอยู่ในเขตจีวรกาลที่ขยายออกไปอีก 4 เดือน ฯ

ถาม ผ้าที่ทรงห้ามใช้เป็นผ้ากฐินได้แก่ผ้าเช่นไรบ้าง ?

ตอบ เช่นนี้ คือ

  1. ผ้าที่ไม่ได้เป็นสิทธิ เช่น ผ้าที่ขอยืมเขามา
  2. ผ้าที่ได้มาโดยอาการอันมิชอบ คือทำนิมิตได้มา
  3. ผ้าที่ได้มาโดยการพูดเลียบเคียง
  4. ผ้าเป็นนิสสัคคีย์
  5. ผ้าที่ได้มาโดยทางบริสุทธิ์ แต่เก็บไว้ค้างคืน ฯ

ถาม ผู้ที่ถูกห้ามอุปสมบท เพราะทำผิดต่อพระศาสนา ได้แก่คนเช่นไร ?

ตอบ ได้แก่

  1. คนฆ่าพระอรหันต์
  2. คนทำร้ายภิกษุณี
  3. คนลักเพศ
  4. ภิกษุไปเข้ารีตเดียรถีย์
  5. ภิกษุต้องปาราชิกละเพศไปแล้ว
  6. ภิกษุผู้ทำสังฆเภท
  7. คนทำร้ายพระศาสดาจนถึงห้อพระโลหิต ฯ

ถาม ในเวลาสวดกรรมวาจานั้น กำหนดด้วยสงฆ์นิ่งอยู่จนถึงบาลีคำใด อุปสมบทกรรมจึงจะนับว่าเป็นการสำเร็จ ?

ตอบ กำหนดด้วยสงฆ์นิ่งอยู่จนถึงคำว่า โส ภาเสยฺย ที่แปลว่า ท่านผู้นั้นพึงพูดท้ายอนุสาวนาที่ 3 จึงนับว่าเป็นการสำเร็จ ฯ


ถาม อนุวาทาธิกรณ์ที่เกิดขึ้นแล้วไม่รีบระงับ มีผลเสียอย่างไร ?

ตอบ มีผลเสีย คือทำให้เสียสีลสามัญญตาและเสียสามัคคี เป็นทางแตก เป็นนานาสังวาส จนถึงเป็นนานานิกาย ฯ

ถาม ภิกษุผู้ต้องอนุวาทาธิกรณ์ พึงปฏิบัติอย่างไร ?

ตอบ พึงปฏิบัติอย่างนี้ คือ

  1. เคารพในผู้พิจารณา
  2. ให้การตามความเป็นจริง
  3. พึงเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของสงฆ์
  4. ไม่ขุ่นเคือง ฯ

ถาม ลักษณะปกปิดอาบัตินั้น พระอรรถกถาจารย์ แสดงไว้กี่ประการ ? อะไรบ้าง ?

ตอบ แสดงไว้ 10 ประการ จัดเป็น 5 คู่ คือ

  1. เป็นอาบัติ และรู้ว่าเป็นอาบัติ
  2. เป็นปกตัตตะ และรู้ว่าเป็นปกตัตตะ
  3. ไม่มีอันตราย และรู้ว่าไม่มีอันตราย
  4. อาจอยู่ และรู้ว่าอาจอยู่
  5. ใคร่จะปิด และปิดไว้ ฯ

ถาม ภิกษุผู้เป็นโจทก์ จงใจหาความเท็จใส่ภิกษุอื่น และภิกษุผู้เป็นจำเลย จงใจปกปิดความประพฤติเสียของตนด้วยให้การเท็จ สงฆ์พึงนิคคหะด้วยกรรมอะไร ?

ตอบ สงฆ์พึงทำ ตัชชนียกรรม แก่ภิกษุผู้เป็นโจทก์ และตัสสปาปิยสิกากรรม แก่ภิกษุผู้เป็นจำเลย ฯ


พระราชบัญญัติคณะสงฆ์  พ.ศ.  2505,  (ฉบับที่  2)  พ.ศ.  2535

ถาม ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ใครเป็นผู้สถาปนาสมเด็จพระสังฆราช ? ตอบโดยอ้างมาตรา

ตอบ มาตรา 7 พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์หนึ่ง ฯ

ถาม คำว่า คณะสงฆ์ และคณะสงฆ์อื่น แห่งมาตรา 5 ทวิ ในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์หมายถึงใคร ?

ตอบ

  • คณะสงฆ์ หมายถึง บรรดาพระภิกษุที่ได้รับบรรพชาอุปสมบทจากพระอุปัชฌาย์ ตามพระราชบัญญัตินี้ หรือตามกฎหมายที่ใช้บังคับก่อนพระราชบัญญัตินี้ ไม่ว่าจะปฏิบัติศาสนกิจในหรือนอกราชอาณาจักร ฯ
  • คณะสงฆ์อื่น หมายถึง บรรดาบรรพชิตจีนนิกายหรืออนัมนิกาย ฯ

ถาม คณะสงฆ์จะตั้งเป็นอิสระ ไม่อยู่ภายใต้การปกครองของมหาเถรสมาคมได้หรือไม่ ? จงอ้างมาตรา

ตอบ ไม่ได้ ต้องปฏิบัติตามมาตรา 20 ความว่า คณะสงฆ์ต้องอยู่ภายใต้การปกครองของมหาเถรสมาคม ฯ

ถาม จงให้ความหมายของคำต่อไปนี้

  1. ที่วัด
  2. ที่ธรณีสงฆ์
  3. ที่กัลปนา

ตอบ

  1. ที่วัด คือที่ซึ่งตั้งวัดตลอดจนเขตของวัดนั้น
  2. ที่ธรณีสงฆ์ คือที่ซึ่งเป็นสมบัติของวัด
  3. ที่กัลปนา คือที่ซึ่งมีผู้อุทิศแต่ผลประโยชน์ให้วัดหรือพระศาสนา ฯ

ถาม ผู้มิได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ หรือถูกถอดถอนจากความเป็นพระอุปัชฌาย์ กระทำการบรรพชาอุปสมบทแก่บุคคลอื่น ต้องระวางโทษอย่างไร ?

ตอบ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี ฯ

ถาม ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการมหาเถรสมาคมคือใคร ?

ตอบ คืออธิบดีกรมการศาสนาโดยตำแหน่ง ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ มาตรา 13 ความว่า ให้อธิบดีกรมการศาสนาเป็นเลขาธิการมหาเถรสมาคมโดยตำแหน่ง ฯ