๑. ผู้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะมีธรรมอะไร ?
ก. ธรรมมีอุปการะมาก
ข. ธรรมอันทำให้งาม
ค. ธรรมเป็นโลกบาล
ง. ธรรมเป็นเครื่องเจริญ
๒. การรณรงค์เรื่องเมาไม่ขับ ส่งเสริมให้มีธรรมข้อใด ?
ก. สติ
ข. สัมปชัญญะ
ค. ขันติ
ง. โสรัจจะ
๓. ถ้าสติเปรียบเหมือนดวงไฟ สัมปชัญญะจะเปรียบเหมือนอะไร ?
ก. ควันไฟ
ข. แสงไฟ
ค. คนจุดไฟ
ง. เชื้อไฟ
๔. คนขาดศีลธรรม เพราะไม่มีธรรมใดเป็นพื้นฐาน ?
ก. สติ สัมปชัญญะ
ข. ขันติ โสรัจจะ
ค. หิริ โอตตัปปะ
ง. ถูกทุกข้อ
๕. คนมีโอตตัปปะมีลักษณะเช่นไร ?
ก. กลัวถูกลงโทษ
ข. กลัวเสียชื่อเสียง
ค. กลัวตกนรก
ง. ถูกทุกข้อ
๖. ผู้มุ่งให้กาย วาจา ใจงดงาม ควรประพฤติธรรมอะไร ?
ก. สติ สัมปชัญญะ
ข. ขันติ โสรัจจะ
ค. หิริ โอตตัปปะ
ง. กตัญญู กตเวที
๗. ความงามอะไร ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา ?
ก. งามเสื้อผ้าอาภรณ์
ข. งามรูปร่างหน้าตา
ค. งามกิริยามารยาท
ง. งามคุณธรรม
๘. เป็นเรืออย่าทิ้งท่า เป็นเสืออย่าทิ้งป่า สอนให้มีธรรมอะไร ?
ก. สติ สัมปชัญญะ
ข. กตัญญู กตเวที
ค. หิริ โอตตัปปะ
ง. ขันติ โสรัจจะ
๙. บุพพการี ชื่อว่าหาได้ยาก เพราะถูกอะไรครอบงำ ?
ก. ความไม่รู้
ข. ความตระหนี่
ค. ความโกรธ
ง. ตัณหา
๑๐. ชาวพุทธควรยึดถืออะไรเป็นที่พึ่งที่ระลึก ?
ก. ไตรปิฎก
ข. ไตรลักษณ์
ค. ไตรรัตน์
ง. ไตรสิกขา
๑๑. ที่เรียกว่าพระพุทธศาสนานั้น หมายถึงอะไร ?
ก. พระรัตนตรัย
ข. พระธรรมวินัย
ค. ไตรสิกขา
ง. พระปาติโมกข์
๑๒. พระธรรม คืออะไร ?
ก. ระเบียบข้อบังคับ
ข. ธรรมชาติ
ค. คำสั่งสอน
ง. คำตักเตือน
๑๓. คำสอนที่เป็นหลักการในพระพุทธศาสนา ตรงกับข้อใด ?
ก. โอวาท ๓
ข. สิกขา ๓
ค. สุจริต ๓
ง. ปิฎก ๓
๑๔. การเว้นจากทุจริตทั้งปวง เป็นคำสอนในลักษณะใด ?
ก. ทาน
ข. ศีล
ค. ภาวนา
ง. ปัญญา
๑๕. คำพูดที่ทำให้ผู้ฟังเจ็บช้ำใจหรือบันดาลโทสะ ตรงกับข้อใด ?
ก. คำเท็จ
ข. คำหยาบ
ค. คำส่อเสียด
ง. คำเพ้อเจ้อ
๑๖. วจีสุจริตข้อใด ส่งเสริมให้เกิดความสมานฉันท์ ?
ก. ไม่พูดเท็จ
ข. ไม่พูดคำหยาบ
ค. ไม่พูดส่อเสียด
ง. ไม่พูดเพ้อเจ้อ
๑๗. เห็นอย่างไร ชื่อว่าเห็นไม่ผิดจากคลองธรรม ?
ก. ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ
ข. บุญบาปไม่มี
ค. พ่อแม่ไม่มีคุณ
ง. ดีเองชั่วเอง
๑๘. คนขายยาบ้า เพราะมีอะไรเป็นมูล ?
ก. โลภะ
ข. โทสะ
ค. โมหะ
ง. ราคะ
๑๙. ข้อใด ไม่ใช่ลักษณะของโทสะ ?
ก. กลุ้มใจ เสียใจ
ข. รำคาญ หงุดหงิด
ค. โกรธ เกลียด
ง. อยากได้ งมงาย
๒๐. มีโทษมากและคลายช้า คือข้อใด ?
ก. โลภะ
ข. โทสะ
ค. โมหะ
ง. ราคะ
๒๑. อโลภะ เป็นมูลของอะไร ?
ก. ทาน
ข. ศีล
ค. ภาวนา
ง. เมตตา
๒๒. คนเช่นไร ชื่อว่าสัตบุรุษ ?
ก. รู้จักทำมาหากิน
ข. ขยันไม่เกียจคร้าน
ค. มีน้ำใจแบ่งปัน
ง. ทำดี พูดดี คิดดี
๒๓. เสียสละ ถือบวช ดูแลบิดามารดา เป็นธรรมหมวดใด ?
ก. อปัณณกปฏิปทา
ข. สัปปุริสบัญญัติ
ค. บุญกิริยาวัตถุ
ง. สามัญลักษณะ
๒๔. ความสุขกายสุขใจ เกิดจากการบำเพ็ญบุญกิริยาวัตถุข้อใด ?
ก. ให้ทาน
ข. รักษาศีล
ค. เจริญภาวนา
ง. ถูกทุกข้อ
๒๕. ข้อใด เป็นเหตุให้เกิดสุขทั้งในโลกนี้และโลกหน้า ?
ก. สั่งสมความสุข
ข. สั่งสมบุญ
ค. สั่งสมความรู้
ง. สั่งสมทรัพย์
๒๖. ความเจริญและความเสื่อมของบุคคล ขึ้นอยู่กับอะไร ?
ก. การศึกษา
ข. การปฏิบัติ
ค. การมีบริวาร
ง. การมีทรัพย์
๒๗. คนเช่นไร ไม่สามารถจะทรงความเที่ยงธรรมไว้ได้ ?
ก. มีเมตตากรุณา
ข. กล้าได้กล้าเสีย
ค. มีใจเด็ดเดี่ยว
ง. มีความลำเอียง
๒๘. ให้รางวัลแก่คนไม่ควรให้เพราะเสน่หา จัดเป็นอคติข้อใด ?
ก. ฉันทาคติ
ข. โทสาคติ
ค. โมหาคติ
ง. ภยาคติ
๒๙. ผิดพลาดไปแล้ว พยายามกลับตัวเป็นคนดี ตรงกับข้อใด ?
ก. สังวรปธาน
ข. ปหานปธาน
ค. ภาวนาปธาน
ง. อนุรักขนาปธาน
๓๐. จงรักษาความดี ดุจเกลือรักษาความเค็ม ตรงกับข้อใด ?
ก. สังวรปธาน
ข. ปหานปธาน
ค. ภาวนาปธาน
ง. อนุรักขนาปธาน
๓๑. จาคะ ในอธิษฐานธรรม มีความหมายว่าอย่างไร ?
ก. แบ่งปันสิ่งของแก่ผู้ประสบภัย
ข. สละทรัพย์สร้างสวนสาธารณะ
ค. สละสิ่งเป็นข้าศึกความจริงใจ
ง. บริจาคโลหิตช่วยเหลือผู้ป่วย
๓๒. จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ เพราะมีธรรมหมวดใด ?
ก. จักร ๔
ข. อิทธิบาท ๔
ค. วุฒิ ๔
ง. ปธาน ๔
๓๓. หมั่นทบทวนหาเหตุผลในสิ่งที่ทำ ตรงกับข้อใด ?
ก. ฉันทะ
ข. วิริยะ
ค. จิตตะ
ง. วิมังสา
๓๔. ควรแผ่พรหมวิหารข้อใด ไปยังสัตว์ผู้มีทุกข์ ?
ก. เมตตา
ข. กรุณา
ค. มุทิตา
ง. อุเบกขา
๓๕. ในการพิจารณาคดีความ ควรยึดธรรมข้อใดเป็นหลัก ?
ก. เมตตา
ข. กรุณา
ค. มุทิตา
ง. อุเบกขา
๓๖. อริยทรัพย์ หมายถึงทรัพย์ในข้อใด ?
ก. ทรัพย์ภายนอก
ข. ทรัพย์ภายใน
ค. ทรัพย์สิน
ง. ทรัพย์มรดก
๓๗. ข้อใด เป็นอนันตริยกรรม ?
ก. เผาโรงเรียน
ข. ทำลายทรัพย์สิน
ค. ทำร้ายร่างกาย
ง. ทำสงฆ์ให้แตกกัน
๓๘. ข้อใด ไม่นับเข้าในอานิสงส์ของการฟังธรรม ?
ก. ได้ความเพลิดเพลิน
ข. ได้ฟังเรื่องใหม่ ๆ
ค. มีจิตใจผ่องใส
ง. บรรเทาความสงสัย
๓๙. สติในพละ ๕ เปรียบเทียบได้กับข้อใด ?
ก. เรือ
ข. หางเสือเรือ
ค. คนพายเรือ
ง. ท่าจอดเรือ
๔๐. สังขารในขันธ์ ๕ ตรงกับข้อใด ?
ก. การรับรู้อารมณ์
ข. ความคิดปรุงแต่ง
ค. สิ่งที่มีใจครอง
ง. สิ่งที่มองเห็นได้
๔๑. รู้สิ่งใดไม่สู้รู้วิชา ภายหน้าเติบใหญ่ได้งานทำ ตรงกับข้อใด ?
ก. เคารพในพระพุทธเจ้า
ข. เคารพในพระสงฆ์
ค. เคารพในการศึกษา
ง. เคารพในหน้าที่
๔๒. คบคนให้ดูหน้า ซื้อผ้าให้ดูเนื้อ จัดเข้าในสัปปุริสธรรมข้อใด ?
ก. รู้จักตน
ข. รู้จักประมาณ
ค. รู้จักชุมชน
ง. รู้จักบุคคล
๔๓. ช้าเสียการ นานเสียกิจ จัดเข้าในสัปปุริสธรรมข้อใด ?
ก. รู้จักเหตุ
ข. รู้จักผล
ค. รู้จักกาล
ง. รู้จักประมาณ
๔๔. จน เครียด กินเหล้า แล้วไม่ทำงาน จัดเป็นคนเช่นไร ?
ก. เกียจคร้าน
ข. เจ็บป่วย
ค. ตกงาน
ง. สิ้นหวัง
๔๕. ต่อหน้าสรรเสริญ ลับหลังนินทา เป็นลักษณะของมิตรเทียมประเภทใด ?
ก. คนปอกลอก
ข. คนดีแต่พูด
ค. คนหัวประจบ
ง. คนชักชวนให้ฉิบหาย
๔๖. มิตรเทียมเช่นไร ควรหลีกหนีให้ไกลสุด ?
ก. คนปอกลอก
ข. คนหัวประจบ
ค. คนดีแต่พูด
ง. คนชักชวนให้ฉิบหาย
๔๗. ห้ามชั่ว แนะดี ชี้ทางสวรรค์ เป็นมิตรประเภทใด ?
ก. มิตรมีอุปการะ
ข. มิตรร่วมสุขร่วมทุกข์
ค. มิตรแนะประโยชน์
ง. มิตรมีความรักใคร่
๔๘. การช่วยเหลือประโยชน์ส่วนรวม ตรงกับสังคหวัตถุข้อใด ?
ก. ทาน
ข. ปิยวาจา
ค. อัตถจริยา
ง. สมานัตตตา
๔๙. ครูอาจารย์ ได้แก่บุคคลในทิศใด ?
ก. ทิศเบื้องขวา
ข. ทิศเบื้องซ้าย
ค. ทิศเบื้องหน้า
ง. ทิศเบื้องหลัง
๕๐. อยู่เลี้ยงกาย ตายเลี้ยงวิญญาณ เป็นหน้าที่ของใคร ?
ก. บิดามารดา
ข. บุตรธิดา
ค. ครูอาจารย์
ง. มิตรสหาย