๑. ชาวพุทธ ควรยึดถืออะไรเป็นที่พึ่งที่ระลึก ?
ก. ไตรสรณคมน์
ข. ไตรปิฎก
ค. ไตรลักษณ์
ง. ไตรสิกขา
๒. สรณคมน์ หมายถึงอะไร ?
ก. ขอพร
ข. ขอให้คุ้มครอง
ค. บนบาน
ง. ทำตามคำสอน
๓. ข้อใด ไม่นับเข้าในสรณะทั้ง ๓ ?
ก. พระพุทธเจ้า
ข. พระธรรม
ค. พระสงฆ์
ง. พระโพธิสัตว์
๔. สรณคมน์ขาดเพราะสาเหตุใด ไม่มีโทษ ?
ก. ความตาย
ข. ทำร้ายพระศาสดา
ค. ไปนับถือศาสดาอื่น
ง. ไม่มีข้อใดถูก
๕. ความเชื่อเช่นไร เป็นเหตุให้สรณคมน์เศร้าหมอง ?
ก. เชื่อกรรม
ข. เชื่อบาปบุญ
ค. เชื่อมงคลตื่นข่าว
ง. เชื่อสิ่งที่ควรเชื่อ
๖. จุดประสงค์ในการถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ตรงกับข้อใด ?
ก. ทำบุญเพื่อล้างบาป
ข. ทำบุญแสวงหาลาภ
ค. หาเช่าจตุคามรุ่นนิยม
ง. ปฏิบัติเพื่อกำจัดกิเลส
๗. การขาดสรณคมน์ เกิดขึ้นได้แก่บุคคลใด ?
ก. บุคคลทั่วไป
ข. โสดาบันบุคคล
ค. สกทาคามีบุคคล
ง. อนาคามีบุคคล
๘. “สุปปพุทธกุฏฐิ” เป็นแบบอย่างของบุคคลผู้มั่นคงในเรื่องใด ?
ก. การถือศีล
ข. การถือสันโดษ
ค. การถือสัจจะ
ง. การถือสรณคมน์
๙. ตัดเศียรพระพุทธรูป เป็นความเศร้าหมองแห่งสรณคมน์เรื่องใด ?
ก. ความไม่รู้
ข. ความรู้ผิด
ค. ความสงสัย
ง. ความไม่เอื้อเฟื้อ
๑๐. “นรกมีจริงหรือ” เป็นความเศร้าหมองแห่งสรณคมน์เรื่องใด ?
ก. ความไม่รู้
ข. ความรู้ผิด
ค. ความสงสัย
ง. ความไม่เอื้อเฟื้อ
๑๑. “ผู้นั่งใกล้พระรัตนตรัย” หมายเฉพาะใคร ?
ก. ภิกษุ ภิกษุณี
ข. สามเณร สามเณรี
ค. อุบาสก อุบาสิกา
ง. พุทธบริษัททั้ง ๔
๑๒. พาณิชสองพี่น้องเข้าถึงพระรัตนตรัยด้วยวิธีใด ?
ก. สมาทาน
ข. มอบตนเป็นสาวก
ค. ถวายชีวิต
ง. แสดงความเลื่อมใส
๑๓. ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เป็นความหมายของข้อใด ?
ก. พระพุทธ
ข. พระธรรม
ค. พระสงฆ์
ง. พระอริยะ
๑๔. คำว่า ธรรมรักษา ในความหมายของสรณะ ๓ ตรงกับข้อใด ?
ก. กำจัดภัย
ข. ไม่ให้ตกอบาย
ค. เป็นเนื้อนาบุญ
ง. ถูกทุกข้อ
๑๕. พระสงฆ์ได้นามว่า สังฆะ เพราะเหตุใด ?
ก. บวชในพระพุทธศาสนา
ข. มีทิฏฐิและศีลเสมอกัน
ค. อาศัยอยู่ในวัดเดียวกัน
ง. โกนผมห่มจีวรเหมือนกัน
๑๖. คำเปล่งวาจาว่า สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ หมายถึงอะไร ?
ก. มีพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งที่ระลึก
ข. มีพระธรรมเป็นที่พึ่งที่ระลึก
ค. มีพระสงฆ์เป็นที่พึ่งที่ระลึก
ง. มีพระพรหมเป็นที่พึ่งที่ระลึก
๑๗. การรักษาอุโบสถศีลในพระพุทธศาสนา มีต้นเหตุมาจากใคร ?
ก. พระเจ้าสุทโธทนะ
ข. พระเจ้าพิมพิสาร
ค. พระเจ้าปเสนทิโกศล
ง. พระเจ้าอชาตศัตรู
๑๘. คำว่า อุโบสถ แปลว่าอะไร ?
ก. การเข้าจำ
ข. การจำพรรษา
ค. การปฏิบัติธรรม
ง. การอดอาหาร
๑๙. อุโบสถเริ่มปฏิบัติกันมาตั้งแต่สมัยใด ?
ก. ก่อนพุทธกาล
ข. สมัยพุทธกาล
ค. กึ่งพุทธกาล
ง. หลังพุทธกาล
๒๐. อุโบสถประกอบด้วยสรณะและองค์ ๘ เกิดขึ้นในสมัยใด ?
ก. ก่อนพุทธกาล
ข. สมัยพุทธกาล
ค. กึ่งพุทธกาล
ง. หลังพุทธกาล
๒๑. อุโบสถศีล บัญญัติขึ้นสำหรับใคร ?
ก. ภิกษุ
ข. ภิกษุณี
ค. คนทั่วไป
ง. อุบาสก อุบาสิกา
๒๒. อุโบสถศีลต่างจากศีล ๕ อย่างไร ?
ก. มีกำหนดเวลารักษา
ข. ไม่มีกำหนดเวลารักษา
ค. เป็นพื้นฐานของมนุษย์
ง. เป็นบัญญัติชอบธรรม
๒๓. อาการเช่นไร เรียกว่ารักษาอุโบสถศีล ?
ก. การถือศีลกินเจ
ข. การถือไม่พูดกับใคร
ค. การงดเว้นข้อห้าม
ง. การงดเหล้าเข้าพรรษา
๒๔. การสมาทานอุโบสถศีล ข้อใดกล่าวถูกต้อง ?
ก. สมาทานในวันใดก็ได้
ข. สมาทานกับใครก็ได้
ค. สมาทานต่อหน้าพระสงฆ์
ง. สมาทานตามวันที่กำหนด
๒๕. สิกขาบทที่ ๓ แห่งอุโบสถศีล ว่าอย่างไร ?
ก. ปาณาติปาตา เวรมณีสิกฺขาปทํ สมาทิยามิ
ข. อพฺรหฺมจริยา เวรมณีสิกฺขาปทํ สมาทิยามิ
ค. มุสาวาทา เวรมณีสิกฺขาปทํ สมาทิยามิ
ง. วิกาลโภชนา เวรมณีสิกฺขาปทํ สมาทิยามิ
๒๖. ผู้สมาทานอุโบสถศีลข้อที่ ๓ พึงงดเว้นการกระทำในเรื่องใด ?
ก. การล่วงประเวณี
ข. การพูดเท็จ
ค. การดื่มสุราเมรัย
ง. การกินอาหาร
๒๗. อุโบสถศีลข้อที่ ๔ บัญญัติขึ้นเพื่อให้ผู้รักษาเป็นคนเช่นไร ?
ก. ขยัน
ข. ประหยัด
ค. ซื่อสัตย์
ง. อดทน
๒๘. ปลาหมอตายเพราะปาก มีความหมายตรงกับข้อใด ?
ก. พูดเท็จ
ข. ดื่มน้ำเมา
ค. บริโภคอาหาร
ง. ขับร้องเพลง
๒๙. ข้าพเจ้าสมาทานสิกขาบทคือเว้นจากพูดเท็จ ตรงกับศีลข้อใด ?
ก. ข้อ ๑
ข. ข้อ ๒
ค. ข้อ ๓
ง. ข้อ ๔
๓๐. สมาทานอุโบสถศีล แต่บริโภคอาหารค่ำ ชื่อว่าละเมิดศีลข้อใด ?
ก. ข้อ ๓
ข. ข้อ ๔
ค. ข้อ ๕
ง. ข้อ ๖
๓๑. คำว่า “วิกาล” ในอุโบสถศีล กำหนดไว้อย่างไร ?
ก. เช้าถึงเที่ยง
ข. เช้าถึงบ่าย
ค. เช้าถึงเย็น
ง. เที่ยงถึงอรุณขึ้น
๓๒. ประโยชน์ของการรักษาอุโบสถศีลข้อที่ ๖ ตรงกับข้อใด ?
ก. เพื่อทรมานกิเลส
ข. เพื่อทรมานสังขาร
ค. เพื่อตัดความกังวล
ง. เพื่อความประหยัด
๓๓. เพลงเช่นไร ไม่ถือว่าเป็นข้าศึกแก่การรักษาอุโบสถศีล ?
ก. เพลงลูกทุ่ง
ข. เพลงเพื่อชีวิต
ค. เพลงธรรมะ
ง. เพลงละครทีวี
๓๔. การเว้นจากการลูบไล้ทาเครื่องย้อมเครื่องประดับตกแต่งร่างกาย ชื่อว่ารักษาอุโบสถศีลข้อใด ?
ก. ข้อ ๕
ข. ข้อ ๖
ค. ข้อ ๗
ง. ข้อ ๘
๓๕. ที่นั่งที่นอนเช่นไร อนุโลมแก่ผู้รักษาอุโบสถศีล ?
ก. ที่นั่งที่นอนสูง
ข. ที่นั่งที่นอนใหญ่
ค. ที่นั่งที่นอนยัดนุ่น
ง. ที่นั่งที่นอนยัดขนแกะ
๓๖. ข้อใด ไม่นับเข้าในอุโบสถศีลอันประกอบด้วยองค์ ๘ ?
ก. ไม่ลักของผู้อื่น
ข. ไม่พูดเท็จ
ค. ไม่ดูการละเล่น
ง. ไม่จับเงินทอง
๓๗. อุโบสถศีลที่รักษาเฉพาะวันหนึ่งคืนหนึ่ง ตรงกับข้อใด ?
ก. ปกติอุโบสถ
ข. ปฏิชาครอุโบสถ
ค. ปาฏิหาริยอุโบสถ
ง. โคปาลกอุโบสถ
๓๘. การถือศีลอุโบสถ ปล่อยวันคืนให้ผ่านพ้นไปโดยเปล่าประโยชน์ ไม่ทำความดี อะไรเลย จัดเป็นอุโบสถประเภทใด ?
ก. ปกติอุโบสถ
ข. ปฏิชาครอุโบสถ
ค. ปาฏิหาริยอุโบสถ
ง. โคปาลกอุโบสถ
๓๙. การรักษาอุโบสถประเภทใด เทียบเคียงได้กับการจำพรรษาของพระภิกษุในช่วงฤดูฝน ?
ก. ปกติอุโบสถ
ข. ปฏิชาครอุโบสถ
ค. อริยอุโบสถ
ง. ปาฏิหาริยอุโบสถ
๔๐. วันรับ วันรักษา วันส่ง มีความเกี่ยวข้องกับอุโบสถประเภทใด ?
ก. ปกติอุโบสถ
ข. ปฏิชาครอุโบสถ
ค. ปาฏิหาริยอุโบสถ
ง. โคปาลกอุโบสถ
๔๑. อุโบสถของนักบวชนอกพระพุทธศาสนา ตรงกับข้อใด ?
ก. ปฏิชาครอุโบสถ
ข. ปาฏิหาริยอุโบสถ
ค. นิคคัณฐอุโบสถ
ง. โคปาลกอุโบสถ
๔๒. ผู้สมาทานรักษาอุโบสถศีล พึงปฏิบัติตนอย่างไร ?
ก. บริจาคทาน
ข. รักษาศีล
ค. เจริญภาวนา
ง. ถูกทุกข้อ
๔๓. การสมาทานอุโบสถศีล กำหนดให้สมาทานที่ไหน ?
ก. ที่วัด
ข. ที่บ้าน
ค. ที่โรงพยาบาล
ง. ที่ไหนก็ได้
๔๔. อัฏฐมีดิถี ในคำประกาศอุโบสถศีล หมายถึงวันใด ?
ก. วัน ๗ ค่ำ
ข. วัน ๘ ค่ำ
ค. วัน ๑๔ ค่ำ
ง. วัน ๑๕ ค่ำ
๔๕. การรักษาอุโบสถศีล ชื่อว่าปฏิบัติตามหลักธรรมหมวดใด ?
ก. บุญกิริยาวัตถุ
ข. สังคหวัตถุ
ค. พรหมวิหาร
ง. สติปัฏฐาน
๔๖. การรักษาอุโบสถศีล จะสิ้นสุดลงในเวลาใด ?
ก. เมื่อเลิกรักษา
ข. เมื่อพ้นกำหนด
ค. เมื่อเจ็บป่วย
ง. เมื่อมีญาติตาย
๔๗. การรักษาอุโบสถศีล จัดอยู่ในศาสนพิธีประเภทใด ?
ก. กุศลพิธี
ข. บุญพิธี
ค. ทานพิธี
ง. ปกิณกะ
๔๘. ข้อใด ไม่เกี่ยวข้องกับระเบียบพิธีในการรักษาอุโบสถศีล ?
ก. ประกาศองค์อุโบสถ
ข. อาราธนาศีล
ค. อาราธนาธรรม
ง. สมาทานศีล
๔๙. การรักษาอุโบสถศีล จัดเข้าในไตรสิกขาข้อใด ?
ก. ศีล
ข. สมาธิ
ค. ปัญญา
ง. ถูกทุกข้อ
๕๐. อุโบสถศีลที่รักษาดีแล้ว ย่อมได้รับอานิสงส์สูงสุดในข้อใด ?
ก. โภคสมบัติ
ข. มนุษยสมบัติ
ค. สวรรคสมบัติ
ง. นิพพานสมบัติ