ปัญหาข้อที่ 1
ถาม พระวินัย แบ่งออกเป็นกี่อย่าง ? อะไรบ้าง ?
ตอบ แบ่งออกเป็น 2 อย่างคือ อาทิพรหมจริยกาสิกขาบท 1 อภิสมาจาร 1
ถาม จะปฏิบัติพระวินัยอย่างไร จึงจะเรียกได้ว่า พอดีพองาม ?
ตอบ ต้องปฏิบัติพระวินัยโดยสายกลาง คือไม่ถือเคร่งครัดอย่างงมงายจนเป็นเหตุต้องทำตนให้เป็นคนลำบาก เพราะเหตุธรรมเนียมเล็ก ๆ น้อย ๆ อันขัดต่อกาลเทศะ และไม่สะเพร่ามักง่าย ละเลยต่อธรรมเนียมของภิกษุ จนถึงทำตนให้เป็นคนเลวทราม จึงจะเรียกได้ว่า พอดีพองาม
ปัญหาข้อที่ 2
ถาม ภิกษุผู้ไม่เอื้อเฟื้อในอภิสมาจารมีโทษอย่างไรบ้าง ?
ตอบ มีโทษปรับอาบัติถุลลัจจัยเป็นอย่างสูง แต่มีน้อย ส่วนมากปรับอาบัติทุกกฏเป็นพื้น
ถาม ภิกษุเปลือยกายด้วยอาการอย่างไรบ้าง ที่เป็นเหตุให้ต้องอาบัติและไม่ต้องอาบัติ ?
ตอบ
- ถ้าเปลือยกายเป็นวัตรอย่างเดียรถีย์ ต้องอาบัติถุลลัจจัย
- ถ้าเปลือยกายทำกิจแก่กัน คือไหว้ รับไหว้ ทำบริกรรม ให้ของ รับของ เปลือยกายในเวลาฉันและดื่ม ต้องอาบัติทุกกฏ
- แต่ในเรือนไฟและในน้ำ ไม่ต้องอาบัติ
ปัญหาข้อที่ 3
ถาม พระพุทธองค์ทรงอนุญาตผ้าสำหรับทำจีวรไว้กี่ชนิด ? อะไรบ้าง ?
ตอบ ทรงอนุญาตไว้ 6 ชนิดคือ
- โขมะ ผ้าทำด้วยเปลือกไม้
- กัปปาสิกะ ผ้าทำด้วยฝ้าย
- โกเสยยะ ผ้าทำด้วยไหม
- กัมพละ ผ้าทำด้วยขนสัตว์
- สาณะ ผ้าทำด้วยเปลือกป่าน
- ภังคะ ผ้าทำด้วยของ 5 อย่างนั้น แต่อย่างใดอย่างหนึ่งปนกัน
ถาม วัสสิกสาฎกได้แก่ผ้าเช่นไร ? มีจำกัดประมาณ กว้าง ยาว ไว้อย่างไร ?
ตอบ ได้แก่ผ้าอาบน้ำฝน มีจำกัดประมาณยาว 6 คืบ กว้าง 2 คืบครึ่ง แห่งคืบพระสุคต
ปัญหาข้อที่ 4
ถาม อาจารย์ทางพระวินัยตามนัยอรรถกถามีเท่าไร ? อะไรบ้าง ?
ตอบ มี 4 คือ
- ปัพพชาจารย์
- อุปสัมปทาจารย์
- นิสสยาจารย์
- อุทเทสาจารย์
ถาม อาจารย์เหล่านั้นทำหน้าที่ต่างกันอย่างไร ?
ตอบ ทำหน้าที่ต่างกัน คือ
- ปัพพชาจารย์ ทำหน้าที่ให้สรณคมน์เมื่อบรรพชา
- อุปสัมปทาจารย์ ทำหน้าที่สวดกรรมวาจาเมื่ออุปสมบท
- นิสสยาจารย์ ทำหน้าที่ให้นิสัย
- อุทเทสาจารย์ ทำหน้าที่สอนธรรม
ปัญหาข้อที่ 5
ถาม คำว่า ถือนิสัย หมายความว่าอะไร ?
ตอบ หมายความว่า ยอมตนอยู่ในความปกครองของพระเถระผู้มีคุณสมบัติควรปกครองตนได้ ยอมตนให้ท่านปกครองพึ่งพิงพำนักอาศัยท่าน
ถาม จงเขียนคำขอนิสัยอาจารย์พร้อมทั้งคำแปล
ตอบ คำขอนิสัยอาจารย์ว่าดังนี้ ” อาจริโย เม ภนฺเต โหหิ , อายสฺมโต นิสฺสาย วจฺฉามิ ” ซึ่งแปลว่า ” ขอท่านจงเป็นอาจารย์ของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจักอยู่อาศัยท่าน “
ปัญหาข้อที่ 6
ถาม ภิกษุเช่นไร ชื่อว่า นวกะ มัชฌิมะ เถระ ?
ตอบ
- ภิกษุมีพรรษาไม่ถึง 5 เรียกว่า นวกะ
- ภิกษุมีพรรษาตั้งแต่ 5 ขึ้นไป แต่ยังไม่ถึง 10 เรียกว่า มัชฌิมะ
- ภิกษุมีพรรษาตั้งแต่ 10 ขึ้นไป เรียกว่า เถระ
ถาม วัตรอันภิกษุควรประพฤติในคำว่า วตฺตสมฺปนฺโน นั้นคืออะไรบ้าง ?
ตอบ คือ
- กิจวัตร ว่าด้วยกิจอันควรทำ
- จริยาวัตร ว่าด้วยมารยาทอันควรประพฤติ
- วิธิวัตร ว่าด้วยแบบอย่าง
ปัญหาข้อที่ 7
ถาม ภิกษุผู้อยู่จำพรรษาไม่ขาดย่อมได้อานิสงส์เท่าไร ? อะไรบ้าง ?
ตอบ ได้อานิสงส์ 5 คือ
- เที่ยวไปโดยไม่ต้องบอกลาตามสิกขาบทที่ 6 แห่งอเจลกวรรค
- เที่ยวจาริกไปไม่ต้องนำไตรจีวรไปครบสำรับ
- ฉันคณโภชน์ และปรัมปรโภชน์ได้
- เก็บอติเรกจีวรไว้ได้ตามปรารถนา
- จีวรที่เกิดขึ้นในที่นั้น จักเป็นของได้แก่พวกเธอ
ถาม ภิกษุพึงประชุมกันสวดพระปาฏิโมกข์ในวันเช่นไรบ้าง ?
ตอบ ในวันพระจันทร์เพ็ญ (ดิถีขึ้น 15 ค่ำ) วันพระจันทร์ดับ (ดิถีแรม 15 ค่ำ หรือ 14 ค่ำ) และวันสามัคคี
ปัญหาข้อที่ 8
ถาม ภิกษุจำพรรษา 1 รูป 2, 3, 4, 5 รูป เมื่อถึงวันปวารณาพึงปฏิบัติอย่างไร ?
ตอบ พึงปฏิบัติอย่างนี้ ภิกษุ 1 รูป พึงอธิษฐานเป็นการบุคคล, ภิกษุ 2, 3, 4 รูป พึงทำคณะปวารณา, ภิกษุ 5 รูปขึ้นไปพึงทำสังฆปวารณา
ถาม เหตุที่ทำให้เลื่อนปวารณาได้มีกี่อย่าง ? อะไรบ้าง ?
ตอบ มี 2 อย่างคือ
- ภิกษุจะเข้ามาสมทบปวารณาด้วย ด้วยหมายจะคัดค้านผู้นั้นผู้นี้ ทำให้เกิดอธิกรณ์ขึ้น
- อยู่ด้วยกันเป็นผาสุก ปวารณาแล้วต่างจะจากกันจาริกไปเสีย
ปัญหาข้อที่ 9
ถาม การทำนอกรีตนอกรอยของสมณะ เรียกว่าอะไร ? มีกี่อย่าง ? อะไรบ้าง ?
ตอบ เรียกว่า อุปปถกิริยา, มี 3 อย่างคือ
- อนาจาร
- ปาปสมาจาร
- อเนสนา
ถาม จงบอกความหมายของแต่ละอย่างด้วย
ตอบ
- ความประพฤติไม่ดีไม่งาม และเล่นมีประการต่าง ๆ จัดเข้าในอนาจาร
- ความประพฤติเลวทราม จัดเข้าในปาปสมาจาร
- ความเลี้ยงชีพไม่สมควร จัดเข้าในอเนสนา
ปัญหาข้อที่ 10
ถาม ลหุภัณฑ์ และครุภัณฑ์ที่เป็นของสงฆ์ คือของเช่นไร ? อย่างไหนแจกกันได้ และไม่ได้ ?
ตอบ
- ลหุภัณฑ์ คือของเบา มีบิณฑบาต เภสัช กับบริขารที่จะใช้สำหรับตัว คือบาตร จีวร ประคดเอว เข็ม มีดพับ มีดโกน เป็นของที่แจกกันได้
- ครุภัณฑ์ คือของหนัก ไม่ใช่ของสำหรับใช้สิ้นไป เป็นของควรรักษาไว้ได้นาน เป็นเครื่องใช้ในเสนาสนะ หรือเป็นตัวเสนาสนะเอง ตลอดถึงกุฎีและที่ดิน เป็นของที่แจกกันไม่ได้
ถาม วินัยกรรม กับสังฆกรรม ต่างกันอย่างไร ?
ตอบ ต่างกันอย่างนี้
- กรรมที่ภิกษุแต่ละรูปหรือหลายรูปจะพึงกระทำตามพระวินัย เช่น การแสดงอาบัติ อธิษฐาน วิกัป เป็นต้น เรียกว่าวินัยกรรม
- กรรมที่ภิกษุครบองค์สงฆ์จตุวรรคเป็นต้น พึงทำเป็นการสงฆ์ เช่น อปโลกนกรรม ญัตติกรรม เป็นต้น เรียกว่าสังฆกรรม