๑. พระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในโลก เพื่ออะไร ?
ก. เป็นศาสดาสร้างสันติ
ข. เป็นศาสดาคุ้มครองโลก
ค. เป็นศาสดาสร้างโลก
ง. เป็นศาสดาสอนเวไนยสัตว์
๒. ข้อใด แสดงความเป็นผู้มีมานะถือตัวของชาวชมพูทวีป ?
ก. ถือว่าโลกเที่ยง
ข. ถือว่าโลกมีที่สุด
ค. ถือชั้นวรรณะ
ง. ถือว่าตายแล้วเกิด
๓. พระโอรสของพระเจ้าโอกกากราช เป็นผู้สร้างเมืองใด ?
ก. เทวทหะ
ข. กบิลพัสดุ์
ค. ราชคฤห์
ง. สาวัตถี
๔. ก่อนที่เจ้าชายสิทธัตถะจะมาอุบัติในโลกนี้ อยู่สวรรค์ชั้นใด ?
ก. จาตุมหาราช
ข. ดาวดึงษ์
ค. ยามา
ง. ดุสิต
๕. พระมารดาของพระนางพิมพา มีพระนามว่าอะไร ?
ก. พระนางปชาบดีโคตมี
ข. พระนางปมิตา
ค. พระนางกิสาโคตมี
ง. พระนางอมิตา
๖. เจ้าชายสิทธัตถะทางเปล่งอาสภิวาจา ในคราวใด ?
ก. ประสูติ
ข. ตรัสรู้
ค. แสดงปฐมเทศนา
ง. ปรินิพพาน
๗. ใครเป็นผู้ทำนายพระสิตธัตถกุมารว่าจะต้องออกบวชแน่นอน ?
ก. รามพราหมณ์
ข. ยัญญพราหมณ์
ค. โกณฑัญญพราหมณ์
ง. สุทัตตพราหมณ์
๘. การนึกถึง ชรา พยาธิ และมรณะ เป็นเหตุให้ทำลายอะไร ?
ก. อกุศลวิตก ๓
ข. ความเมา ๓
ค. ตัณหา ๓
ง. อกุศลมูล ๓
๙. การบำเพ็ญทุกรกิริยาในวาระที่ ๓ คือข้อใด ?
ก. กดพระทนต์
ข. กดพระตาลุ
ค. กลั้นลมหายใจ
ง. อดพระกระยาหาร
๑๐. พระพุทธเจ้าทรงเปรียบธรรมใด เหมือนกระจกเงา ?
ก. เมตตา
ข. กรุณา
ค. มุทิตา
ง. อุเบกขา
๑๑. การที่ทรงได้ปัญญาเป็นเหตุให้สิ้นอาสวะ ทำให้ได้พระนามอะไร ?
ก. ภควา
ข. อรหํ
ค. สุคโต
ง. โลกวิทู
๑๒. พระพุทธเจ้าเสวยวิมุตติสุขที่ต้นราชายตนะ ได้ทรงพบกับใคร ?
ก. พราหมณ์หุหุกชาติ
ข. ตปุสสะ และภัลลิกะ
ค. พระยานาคมุจลินท์
ง. ยสกุลบุตร
๑๓. คำว่า อุบาสก อุบาสิกา มีความหมายว่าอย่างไร ?
ก. ผู้นั่งใกล้พระพุทธ
ข. ผู้นั่งใกล้พระธรรม
ค. ผู้นั่งใกล้พระสงฆ์
ง. ผู้นั่งใกล้พระรัตนตรัย
๑๔. สถานที่ทรงพิจารณาอภิธัมมปิฎก ซึ่งเทวดานิรมิต เรียกว่าอะไร ?
ก. อนิมิสเจดีย์
ข. รัตนฆรเจดีย์
ค. รัตนจงกรมเจดีย์
ง. บริโภคเจดีย์
๑๕. ข้อใด พระองค์ทรงแสดงว่า บรรพชิตควรปฏิบัติ ?
ก. กามสุขัลลิกานุโยค
ข. อัตตกิลมถานุโยค
ค. มัชฌิมาปฏิปทา
ง. อปัณณกปฏิปทา
๑๖. ข้อใด เรียกว่า ปฏิปุจฉาพยากรณ์ ?
ก. ย้อนถามแล้วจึงแก้ปัญหา
ข. แยกปัญหาแก้ทีละข้อ
ค. แก้ปัญหานั้นโดยส่วนเดียว
ง. ถามตอบไปทีละข้อ
๑๗. ผู้ฉลาดในภาษาสามารถเข้าใจพูดให้คนอื่นเลื่อมใสได้ เรียกว่าอะไร ?
ก. ธัมมปฏิสัมภิทา
ข. นิรุตติปฏิสัมภิทา
ค. อัตถปฏิสัมภิทา
ง. ปฏิภาณปฏิสัมภิทา
๑๘. พระพุทธเจ้าโปรดพระเจ้าพิมพิสาร ด้วยธรรมอะไร ?
ก. ทานกถา
ข. สีลกถา
ค. สัคคกถา
ง. อนุปุพพีกถา
๑๙. บุคคลใด ไม่ใช่เป้าหมายของการทำปุพพเปตพลีของพราหมณ์ ?
ก. ปู่ย่า
ข. ตายาย
ค. พ่อแม่
ง. ลูกหลาน
๒๐. พระองค์เป็นศาสดาของข้าพระองค์ ข้าพระองค์เป็นสาวก ใครกล่าว ?
ก. พระมหากัสสปะ
ข. พระคยากัสสปะ
ค. พระอุรุเวลากัสสปะ
ง. พระนทีกัสสปะ
๒๑. ใครได้ถวายกุฎี ๖๐ หลัง ในกรุงราชคฤห์แก่พระพุทธเจ้า ?
ก. พระเจ้าพิมพิสาร
ข. วิสาขามหาอุบาสิกา
ค. อนาถปิณฑิกเศรษฐี
ง. ราชคหกเศรษฐี
๒๒. อุปสรรคยุคแรกในการประกาศพระศาสนา คืออะไร ?
ก. อาหารไม่เพียงพอ
ข. ผู้คนดูถูกรังเกียจ
ค. การสัญจรลำบาก
ง. ให้อุปสมบทเองไม่ได้
๒๓. พระสารีบุตรบรรลุพระอรหัตผล ที่ไหน ?
ก. ถ้ำสุกรขาตา
ข. ถ้ำสัตตบรรณ
ค. ถ้ำอินทศาล
ง. ถ้ำบิปผลิ
๒๔. พระอัครสาวกทั้งสอง บรรลุพระอรหัตในสำนักใคร ?
ก. พระพุทธเจ้า
ข. สัญชัยปริพพาชก
ค. พระอัสสชิ
ง. พราหมณ์พาวรี
๒๕. ถ้ามีภิกษุมาทูลลาเที่ยวจาริกไปที่อื่น พระศาสดาสั่งตรัสให้ไปลาพระสารีบุตร เพื่อประโยชน์ใด ?
ก. เพื่อเรียนกัมมัฏฐาน
ข. เพื่อท่านจะได้สั่งสอน
ค. เพื่อท่านจะได้ไปด้วย
ง. เพื่อป้องกันอันตราย
๒๖. พระพุทธเจ้าตรัสชมเมืองใดว่า ปลูกสร้างได้เป็นระเบียบ ?
ก. ปาฏลีบุตร
ข. สาวัตถี
ค. พาราณสี
ง. กุสินารา
๒๗. อนาถปิณฑิกเศรษฐีได้ดวงตาเห็นธรรม ณ สถานที่ใด ?
ก. เชตวัน
ข. สีตวัน
ค. เวฬุวัน
ง. มิคทายวัน
๒๘. พระอานนท์ได้บรรลุโสดาปัตติผล เพราะฟังธรรมจากใคร ?
ก. พระพุทธเจ้า
ข. พระสารีบุตร
ค. พระปุณณมันตานีบุตร
ง. พระอัสสชิ
๒๙. สิ่งทั้งปวงไม่ควรแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่ชอบใจหมด ใครกล่าว ?
ก. พราหมณ์หุหุกชาติ
ข. พระสารีบุตร
ค. ตปุสสะ ภัลลิกะ
ง. อุปกาชีวก
๓๐. อะไรเป็นเครื่องห้ามความอยากอันไหลไปสู่อารมณ์ต่าง ๆ และจะละได้ด้วยธรรมอะไร ใครทูลถาม ?
ก. อชิตมาณพ
ข. ปิงคิยมาณพ
ค. นันทมาณพ
ง. ปุณณกมาณพ
๓๑. ตัณหักขยธรรม ธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา ทรงแสดงที่ไหน ?
ก. ถ้ำสุกรขาตา
ข. ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน
ค. วัดเวฬุวัน
ง. กัลลวาลมุตตคาม
๓๒. คำว่า อรหันต์ เรียกกันมาตั้งแต่เมื่อไร ?
ก. ก่อนพุทธกาล
ข. ครั้งพุทธกาล
ค. หลังพุทธกาล
ง. ครั้งปฐมสังคายนา
๓๓. พระเจ้าจัณฑปัชโชตทรงสดับธรรมจากใคร เป็นครั้งแรก ?
ก. พระพุทธเจ้า
ข. พระมหากัจจายนะ
ค. พระมหาโมคคัลลานะ
ง. พระมหากัสสปะ
๓๔. ใครเป็นพระอุปัชฌายะของพระปุณณมันตานีบุตร ?
ก. พระอัญญาโกณฑัญญะ
ข. พระอัสสชิ
ค. พระมหากัสสปะ
ง. พระมหานามะ
๓๕. ข้อใด ชื่อว่าสามุกกังสิกเทศนา ที่พระพุทธองค์ทรงแสดงเอง ?
ก. เวทนาปริคคหสูตร
ข. วิสุทธิ ๗
ค. กถาวัตถุ ๑๐
ง. อริยสัจ ๔
๓๖. พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมข้อใดมากเป็นพิเศษ ที่บ้านภัณฑุคาม ?
ก. ไตรลักษณ์
ข. ไตรสิกขา
ค. ไตรรัตน์
ง. ไตรภูมิ
๓๗. อุปติสสะและโกลิตะไปดูมหรสพ คิดอย่างไรจึงออกบวช ?
ก. สิ่งเหล่านี้เป็นมายา
ข. คนพวกนี้หลงละเลิงในกิเลส
ค. คนพวกนี้ไม่ถึงร้อยปีก็ตาย
ง. คนพวกนี้หลอกลวงพวกเรา
๓๘. ข้อใด เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะเสด็จกรุงกบิลพัสดุ์ ?
ก. ฝนโบกขรพรรษตก
ข. แสดงธรรมโปรดพระมารดา
ค. กาฬุทายีอำมาตย์เชิญเสด็จ
ง. พระเจ้าพิมพิสารเข้าเฝ้า
๓๙. อะไรเป็นมูลเหตุให้อุบาลีบวชก่อนเจ้าชายศากยะทั้ง ๖ ?
ก. พระประสงค์ของพระพุทธเจ้า
ข. ความต้องการของเจ้าศากยะทั้ง ๖
ค. ความต้องการของอุบาลี
ง. ให้ผู้มีอายุมากบวชก่อน
๔๐. ข้อใด ไม่ใช่บารมี ๑๐ ที่พระพุทธเจ้าใช้ต่อสู้กับกิเลสมาร ?
ก. ทาน
ข. ศีล
ค. สมาธิ
ง. ปัญญา
๔๑. เวทนาปริคคหสูตร ว่าด้วยเรื่องอะไร ?
ก. อุบายเครื่องบรรเทา
ข. อุบายเครื่องไม่ถือมั่น
ค. อุบายเครื่องงดเว้น
ง. อุบายเครื่องสำรวม
๔๒. พระสาวกรูปใด เปรียบวิสุทธิ ๗ ด้วยรถ ๗ ผลัดแก่พระสารีบุตร ?
ก. พระอุรุเวลากัสสปะ
ข. พระมหากัสสปะ
ค. พระอานนท์
ง. พระปุณณมันตานีบุตร
๔๓. พระสาวกรูปใด ตั้งอยู่ในกถาวัตถุ ๑๐ มีความมักน้อยเป็นต้น ?
ก. พระยมกะ
ข. พระปุณณมันตานีบุตร
ค. พระสารีบุตร
ง. พระมหากัจจายนะ
๔๔. ใครเป็นผู้แสดงธรรมุเทศ ๔ แก่พระเจ้าโกรัพยะ ?
ก. พระสารีบุตร
ข. พระอานนท์
ค. พระรัฐบาล
ง. พระมหากัจจายนะ
๔๕. พระนางปชาบดี แสดงความตั้งใจจะบวชด้วยวิธีใด ?
ก. อดพระกระยาหาร
ข. กลั้นลมหายใจ
ค. นั่งประท้วง
ง. ตัดพระเมาลี
๔๖. พระนางเขมาเถรีได้รับเอตทัคคะด้านใด ?
ก. มีปัญญามาก
ข. มีฤทธิ์มาก
ค. ชำนาญสมาบัติ
ง. มีความเพียรมาก
๔๗. อานุภาพแห่งธรรมใดสามารถให้ดำรงชีวิตได้ ๑ อายุกัป ?
ก. อธิษฐาน ๔
ข. สังคหวัตถุ ๔
ค. พรหมวิหาร ๔
ง. อิทธิบาท ๔
๔๘. ใครเป็นอัครศาสนูปถัมภกในคราวทำสังคายนา ครั้งที่ ๓ ?
ก. พระเจ้าอชาตศัตรู
ข. พระเจ้าอโศกมหาราช
ค. พระเจ้ากาลาโศกรา
ง. พระเจ้าปเสนทิโกศล
๔๙. การสังคายนา ครั้งที่ ๓ ปรารภเรื่องใด ?
ก. เรื่องวัตถุ ๑๐
ข. เดียรถีย์ปลอมบวช
ค. ความเสื่อมถอย
ง. จ้วงจาบพระธรรมวินัย
๕๐. เหตุใด ปิงคิยมาณพ จึงไม่หลุดพ้นจากอาสวกิเลส ?
ก. คิดถึงการงาน
ข. คิดถึงคนรัก
ค. คิดถึงอาจารย์
ง. คิดสงสัยในธรรม