ปัญหาและเฉลยวิชากรรมบถ (วินัย) ธรรมศึกษาชั้นเอก พ.ศ. ๒๕๕๑

๑. ชีวิตสรรพสัตว์จะสุขหรือทุกข์ มีอะไรเป็นเครื่องกำหนด ?

ก. เทวดา
ข. กรรม
ค. มาร
ง. พรหม

๒. วิชากรรมบถ เน้นหลักคำสอนว่าด้วยเรื่องอะไร ?

ก. อำนาจแห่งวิบากกรรม
ข. อำนาจแห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ค. อำนาจแห่งดาวเคราะห์
ง. อำนาจจิตอันประภัสสร

๓. กรรมบถจัดเป็นศีล แต่ไม่เหมือนศีล ๕ เพราะไม่มีสิกขาบทใด ?

ก. ข้อ ๑
ข. ข้อ ๒
ค. ข้อ ๔
ง. ข้อ ๕

๔. กรรมบถนั้น ว่าโดยการกระทำมี ๓ อย่าง ยกเว้นข้อใด ?

ก. กายกรรม
ข. วจีกรรม
ค. มโนกรรม
ง. เวรกรรม

๕. เชื้อโรคเข้าทางร่างกาย ส่วนกิเลสจะเข้าสู่ตัวเราทางใด ?

ก. ทางกาย
ข. ทางวาจา
ค. ทางใจ
ง. ถูกทุกข้อ

๖. อะไรเป็นมูลเหตุให้บุคคลกระทำกรรมชั่ว ?

ก. กุศลมูล
ข. อกุศลมูล
ค. กุศลจิต
ง. อกุศลจิต

๗. สิ่งที่ใจเข้าไปยึดเหนี่ยว เป็นเหตุให้กระทำกรรม เรียกว่าอะไร ?

ก. เจตนา
ข. เวทนา
ค. อารมณ์
ง. สัญญา

๘. ความรู้สึกในอารมณ์ว่าเป็นสุขทุกข์ เรียกว่าอะไร ?

ก. เจตนา
ข. เวทนา
ค. อารมณ์
ง. สังขาร

๙. การกระทำที่ขาดเจตนา จัดเป็นกรรมอะไร ?

ก. กายกรรม
ข. วจีกรรม
ค. มโนกรรม
ง. ไม่เป็นกรรม

๑๐. อกุศลกรรมเป็นกิจไม่ควรทำ เพราะเหตุไร ?

ก. ให้ผลบางคราว
ข. ให้ผลแก่บางคน
ค. ให้ผลเป็นทุกข์
ง. ให้ผลไม่แน่นอน

๑๑. อกุศลกรรมทางกายที่คนไม่ควรกระทำ ตรงกับข้อใด ?

ก. ปาณาติบาต
ข. มุสาวาท
ค. สัมผัปปลาปะ
ง. พยาบาท

๑๒. ผู้ประพฤติอกุศลกรรม ย่อมเกิดในอบายภูมิ ตรงกับข้อใด ?

ก. มนุษย์
ข. เทวดา
ค. พรหม
ง. เปรต

๑๓. โลภะ โดยตรงเป็นสมุฏฐานให้เกิดอะไร ?

ก. ฆ่าสัตว์
ข. ลักขโมย
ค. เห็นผิด
ง. พยาบาท

๑๔. โทสะ โดยตรงเป็นสมุฏฐานให้เกิดอะไร ?

ก. ความโลภ
ข. ความโกรธ
ค. ความหลง
ง. ความกลัว

๑๕. โมหะ โดยตรงเป็นสมุฏฐานให้เกิดอะไร ?

ก. ความรุนแรง
ข. ความละโมบ
ค. ความอาฆาต
ง. ความงมงาย

๑๖. คำว่า มือเปื้อนเลือด ตรงกับอกุศลกรรมบถข้อใด ?

ก. ปาณาติบาต
ข. อทินนาทาน
ค. กาเมสุมิจฉาจาร
ง. สัมผัปปลาปะ

๑๗. คำว่า ปาณะ ในปาณาติบาต โดยปรมัตถ์ ได้แก่อะไร ?

ก. สรรพสัตว์
ข. มนุษย์
ค. ชีวิตินทรีย์
ง. สิ่งของ

๑๘. ในปาณาติบาต เมื่อรูปชีวิตินทรีย์ขาด อะไรย่อมขาดตามด้วย ?

ก. อาสวกิเลส
ข. ตัณหาอุปาทาน
ค. กายินทรีย์
ง. อรูปชีวิตินทรีย์

๑๙. ข้อใด เป็นผลกรรมของผู้กระทำปาณาติบาต ?

ก. อ่อนแอ
ข. อดอยาก
ค. ยากจน
ง. คนนินทา

๒๐. การตายลักษณะใด ไม่ถือว่าเป็นปาณาติบาต ?

ก. ถูกตีตาย
ข. ประหารชีวิต
ค. ตายเอง
ง. สั่งฆ่าให้ตาย

๒๑. คำว่า เถยยจิต ในอทินนาทาน หมายถึงอะไร ?

ก. จิตเป็นฆาตกร
ข. จิตเป็นขโมย
ค. จิตเป็นหัวหน้า
ง. จิตเป็นตัวนำ

๒๒. อทินนาทานที่เกิดขึ้นทางวจีทวาร ตรงกับข้อใด ?

ก. มีจิตคิดจะลัก
ข. พยายามจะลัก
ค. ลักด้วยตนเอง
ง. สั่งให้คนอื่นลัก

๒๓. ข้อใด เป็นผลกรรมของผู้กระทำอทินนาทาน ?

ก. ด้อยทรัพย์
ข. อับปัญญา
ค. หมดบารมี
ง. มีโรคมาก

๒๔. กาเมสุมิจฉาจาร เกิดขึ้นทางทวารใด ?

ก. กายทวาร
ข. วจีทวาร
ค. มโนทวาร
ง. ถูกทุกข้อ

๒๕. กาเมสุมิจฉาจารอาศัยอะไร จึงจะสำเร็จเป็นกรรมบถได้ ?

ก. สัมผัสทางกาย
ข. สัมผัสทางใจ
ค. สัมผัสทางวัตถุ
ง. สัมผัสทางใน

๒๖. องค์แห่งกาเมสุมิจฉาจาร ตรงกับข้อใด ?

ก. จิตคิดจะฆ่า
ข. จิตคิดจะลัก
ค. จิตคิดจะเสพ
ง. จิตคิดจะพูด

๒๗. เจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ทำให้คนเข้าใจผิดในสถานการณ์ จัดเป็นวจีกรรมประเภทใด ?

ก. มุสาวาท
ข. ปิสุณวาจา
ค. ผรุสวาจา
ง. สัมผัปปลาปะ

๒๘. กล่าวโจมตีให้ร้ายป้ายสีฝ่ายตรงข้าม เพื่อให้คนอื่นเข้าข้างตน จัดเป็นวจีกรรมประเภทใด ?

ก. มุสาวาท
ข. ปิสุณวาจา
ค. ผรุสวาจา
ง. สัมผัปปลาปะ

๒๙. มุสาวาทที่เกิดขึ้นทางกายทวาร ตรงกับข้อใด ?

ก. แจ้งความเท็จ
ข. เป็นพยานเท็จ
ค. เบิกความเท็จ
ง. ปลอมเอกสาร

๓๐. องค์แห่งมุสาวาทข้อใด ทำให้สำเร็จเป็นกรรมบถ ?

ก. เรื่องไม่จริง
ข. คิดจะพูด
ค. พูดออกไป
ง. คนอื่นเชื่อ

๓๑. ปิสุณวาจา ตรงกับข้อใด ?

ก. ความแตกแยก
ข. ทำให้แตกแยก
ค. พูดให้แตกแยก
ง. คิดให้แตกแยก

๓๒. ปิสุณวาจา เกิดขึ้นทางทวารใด ?

ก. กายทวาร วจีทวาร
ข. กายทวาร มโนทวาร
ค. วจีทวารอย่างเดียว
ง. วจีทวาร มโนทวาร

๓๓. ผรุสวาจามีโทษมาก เพราะคนที่ถูกด่าเป็นคนเช่นไร ?

ก. มีความรู้มาก
ข. มีทรัพย์สินมาก
ค. มีอำนาจมาก
ง. มีคุณธรรมมาก

๓๔. อกุศลธรรมทางใจ ตรงกับข้อใด ?

ก. เห็นผิด
ข. ทำผิด
ค. พูดผิด
ง. สั่งผิด

๓๕. ความโลภคิดอยากได้ของคนอื่น เรียกว่าอะไร ?

ก. อเนสนา
ข. อทินนา
ค. อภิชฌา
ง. อนภิชฌา

๓๖. บุคคลเช่นไร เรียกว่าลุแก่อำนาจอภิชฌา ?

ก. โลภมาก
ข. พูดมาก
ค. นอนมาก
ง. คิดมาก

๓๗. เมื่ออภิชฌาเกิดขึ้นบ่อย ๆ เป็นเหตุให้คนกระทำอกุศลกรรมใด ?

ก. ฆ่าสัตว์
ข. ลักทรัพย์
ค. เสพกาม
ง. พูดโกหก

๓๘. เมื่อพยาบาทเกิดขึ้นบ่อย ๆ เป็นเหตุให้คนกระทำอกุศลกรรมใด ?

ก. ฆ่าสัตว์
ข. ลักทรัพย์
ค. เสพกาม
ง. พูดโกหก

๓๙. ความเห็นผิดในข้อใด ท่านกล่าวว่ามีโทษมากที่สุด ?

ก. นัตถิกทิฏฐะ
ข. อกิริยทิฏฐิ
ค. อเหตุกทิฏฐิ
ง. มากทุกข้อ

๔๐. อนภิชฌา มีลักษณะตรงกันข้ามกับข้อใด ?

ก. คิดเสียสละ
ข. คิดประจบ
ค. คิดสงสาร
ง. คิดละโมบ

๔๑. การผูกโกรธทำให้ใจเร่าร้อน ควรแก้ด้วยกุศลกรรมบถข้อใด ?

ก. อนภิชฌา
ข. อพยาบาท
ค. สัมมาทิฏฐิ
ง. ถูกทุกข้อ

๔๒. เห็นว่าพ่อแม่เป็นผู้มีพระคุณแก่ลูก ตรงกับข้อใด ?

ก. สัมมาทิฏฐิ
ข. นัตถิกทิฏฐิ
ค. อกิริยทิฏฐิ
ง. อเหตุกทิฏฐิ

๔๓. ปัญญารู้เท่าทันความเป็นจริง จัดเป็นกุศลกรรมบถข้อใด ?

ก. อภิชฌา
ข. อพยาบาท
ค. สัมมาทิฏฐิ
ง. ถูกทุกข้อ

๔๔. บุคคลประพฤติอย่างไร เรียกว่ามีเมตตากายกรรม ?

ก. งดทำร้ายกัน
ข. งดให้ร้ายกัน
ค. งดป้ายสีกัน
ง. งดระแวงกัน

๔๕. คนมีพฤติกรรมเป็นนักเลงหัวไม้ เพราะไม่งดเว้นเรื่องใด ?

ก. อภิชฌา
ข. ปาณาติบาต
ค. มุสาวาท
ง. สัมผัปปลาปะ

๔๖. นอกจากพูดดีแล้ว ควรพูดคำที่เป็นประโยชน์ด้วย ตรงกับข้อใด ?

ก. พูดเรื่องจริง
ข. พูดให้รักกัน
ค. พูดหวานหู
ง. พูดให้มีสาระ

๔๗. บุคคลประพฤติเช่นไร เรียกว่าตามรักษาวาจา ?

ก. เว้นกายทุจริต
ข. เว้นวจีทุจริต
ค. เว้นมโนทุจริต
ง. ถูกทุกข้อ

๔๘. การไม่ผูกพยาบาท จัดเป็นธรรมจริยาและสมจริยาทางใด ?

ก. ทางกาย
ข. ทางวาจา
ค. ทางใจ
ง. ถูกทุกข้อ

๔๙. ความรู้สึกอิ่มเอิบใจในขณะไหว้พระสวดมนต์ จัดเป็นเวทนาใด ?

ก. สุขเวทนา
ข. ทุกขเวทนา
ค. โสมนัสสเวทนา
ง. อุเบกขาเวทนา

๕๐. ผู้ประพฤติกุศลกรรมบถ ในขณะใกล้ตายจะได้รับอานิสงส์ใด ?

ก. ไม่ตำหนิตัวเอง
ข. ไม่หลงลืมสติ
ค. มีคนสรรเสริญ
ง. เข้าถึงสุคติภูมิ