ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม  นักธรรมชั้นเอก พ.ศ. 2549

ถาม อุทเทสแห่งนิพพิทา ดังต่อไปนี้ มีความหมายว่าอย่างไร ?

  1. คนเขลา
  2. ผู้รู้
  3. หมกอยู่
  4. หาข้องอยู่ไม่
  5. โลกนี้

ตอบ

  1. คนผู้ไร้วิจารณญาณ
  2. ผู้รู้โลกตามความเป็นจริง
  3. เพลิดเพลินหลงติดอยู่ในสิ่งอันมีโทษ
  4. ไม่พัวพันในสิ่งล่อใจ
  5. โดยตรง ได้แก่แผ่นดินเป็นที่อยู่อาศัย โดยอ้อม ได้แก่หมู่สัตว์ผู้อาศัย ฯ

ถาม อุทเทสว่า “เย จิตฺตํ สญฺญเมสฺสนฺติ โมกฺขนฺติ มารพนฺธนา” นั้น การสำรวมจิตทำอย่างไร ?

ตอบ การสำรวมจิตมี 3 วิธี คือ

  1. สำรวมอินทรีย์มิให้ความยินดีครอบงำ ในเมื่อเห็นรูป ฟังเสียง ดมกลิ่น ลิ้มรส ถูกต้องโผฏฐัพพะ อันน่าปรารถนา
  2. มนสิการกัมมัฏฐานอันเป็นปฏิปักษ์ต่อกามฉันท์ คือ อสุภะ กายคตาสติ และมรณสติ
  3. เจริญวิปัสสนา พิจารณาสังขารให้เห็นเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ฯ

ถาม สังขารในไตรลักษณ์กับในขันธ์ 5 ต่างกันอย่างไร ?

ตอบ สังขารในไตรลักษณ์ หมายเอารูปธรรมและนามธรรมทั้งหมดที่ปัจจัยปรุงแต่งขึ้น ส่วนสังขารในขันธ์ 5 หมายเอาเจตสิกธรรมที่ปรุงแต่งจิตให้มีอาการต่างๆ เว้นเวทนาและสัญญา ฯ


ถาม ปกิณกทุกข์ คืออะไร ? จะบรรเทาได้ด้วยวิธีอย่างไร ?

ตอบ ปกิณกทุกข์ คือ ทุกข์จร เช่น ความเศร้าโศกเสียใจ ความร่ำไรบ่นเพ้อรำพัน ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจ ความประสบสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาความพลัดพรากจากของรัก ความผิดหวังเป็นต้น ฯ จะบรรเทาได้ด้วยการมีสติ ใช้ปัญญาพิจารณา รู้จักปลงรู้จักปล่อยวาง ไม่ยึดมั่นถือมั่น ฯ


ถาม อาหารปริเยฏฐิทุกข์ คืออะไร ? จะบรรเทาได้ด้วยวิธีอย่างไร ?

ตอบ คือ ทุกข์ในการหาเลี้ยงชีพ เช่น ต้องแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน เมื่อผลประโยชน์ขัดกัน ก็ทะเลาะกัน และเมื่อยิ่งแสวงหามากก็เป็นเหตุให้เกิดทุกข์มาก ฯ จะบรรเทาได้ด้วยการขยันประหยัดอดทนและ อดออม เป็นอยู่ด้วยปัจจัยเครื่องเลี้ยงชีพเท่าที่จำเป็น ตัดสิ่งฟุ้งเฟ้อที่ไม่จำเป็นออกไป ยินดีเท่าที่ตนมีอยู่โดยยึดทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลักในการดำรงชีวิต ฯ


ถาม พระบาลีว่า “ภิกษุ เธอจงวิดเรือนี้ เรือที่เธอวิดแล้ว จักพลันถึง” จงให้ความหมายคำต่อไปนี้ ให้ถูกต้องตามพระบาลีนั้น ?

  1. เรือนี้
  2. จงวิด (วิดอะไร)
  3. เรือที่วิดแล้ว
  4. จักพลันถึง (ถึงอะไร)
  5. เรือจักไม่จมใน……..

ตอบ

  1. อัตภาพร่างกาย
  2. วิดน้ำ คือมิจฉาวิตก
  3. อัตภาพที่บรรเทากิเลสให้เบาบางลง
  4. ถึงท่า คือพระนิพพาน
  5. ในสังสารวัฏ ฯ

ถาม คนสัทธาจริตและคนวิตกจริต มีลักษณะอย่างไร ? ควรเจริญกัมมัฏฐานอะไร ?

ตอบ คนสัทธาจริต มีลักษณะเชื่อง่ายขาดเหตุผล คนวิตกจริต มีลักษณะคิดมาก ฟุ้งซ่าน ฯ คนสัทธาจริตควรเจริญอนุสสติ 6 ข้างต้น คนวิตกจริตควรเจริญอานาปานสติ ฯ


ถาม กายคตาสติกัมมัฏฐานกับอสุภกัมมัฏฐาน ต่างกันหรือเหมือนกันอย่างไร ? จงอธิบาย

ตอบ ต่างกันที่อารมณ์ คือ กายคตาสติ พิจารณาอาการภายในของตนเป็นอารมณ์อสุภ พิจารณาซากศพเป็นอารมณ์ ฯ เหมือนกันตรงที่พิจารณาให้เห็นเป็นปฏิกูล ไม่งามเหมือนกันและเป็นปฏิปักษ์ต่อกามฉันทะ อีกทั้งเป็นเครื่องกำจัดวิปลาส ข้อที่เห็นว่าสวยงามในสิ่งที่ไม่สวยงามได้เหมือนกัน ฯ


ถาม จงแสดงวิธีเจริญมุทิตา พร้อมทั้งอานิสงส์แห่งการเจริญ พอเป็นตัวอย่าง ?

ตอบ วิธีเจริญมุทิตานั้นดังนี้ เมื่อได้เห็นหรือได้ยินมนุษย์หรือสัตว์ เป็นอยู่สุขสบาย เจริญรุ่งเรืองด้วยสุขสมบัติ พึงทำจิตใจให้ชื่นชมยินดี แล้วแผ่มุทิตาจิตไปว่า สัตว์ผู้นี้หนอบริบูรณ์ยิ่งนัก มีสุขสมบัติมาก จงเจริญยั่งยืนด้วยสุขสมบัติยิ่งๆ เถิด เมื่อเจริญอยู่เนืองๆ ย่อมได้รับอานิสงส์คือ จะละความริษยาในสมบัติของผู้อื่นได้ ฯ


ถาม การทำวัตรสวดมนต์ เป็นกิจวัตรของพระภิกษุสามเณรและเป็นภาวนากุศลจงแสดงวิธีเจริญสมถกัมมัฏฐานและวิปัสสนากัมมัฏฐาน ในบททำวัตรเช้ามาดูพอเป็นตัวอย่าง ?

ตอบ การสวดนมัสการพระรัตนตรัยก็ดี สวดสรรเสริญคุณพระรัตนตรัยก็ดี เป็นการน้อมจิตระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ชื่อว่าเจริญพุทธานุสสติ ธัมมานุสสติ สังฆานุสสติ จัดเป็นสมถกัมมัฏฐาน ฯ สวดสังเวคปริกิตตนปาฐะว่า ชาติปิ ทุกฺขา ชราปิ ทุกฺขา มรณมฺปิ ทุกฺขํ… รูปํ อนิจฺจํ เวทนา อนิจฺจา… รูปํ อนตฺตา เวทนา อนตฺตา… เป็นอาทิ ตั้งสติมีความเพียร ใช้ปัญญาพิจารณาเบญจขันธ์ ยกขึ้นสู่สามัญลักษณะ จัดเป็นวิปัสสนากัมมัฏฐาน ฯ