ปัญหาและเฉลยวิชาพุทธานุพุทธประวัติ  นักธรรมชั้นเอก พ.ศ. 2549

ถาม บุพพนิมิต 5 ประการที่เกิดแก่พระโพธิสัตว์ ก่อนจะจุติลงปฏิสนธิในครรภ์พระมารดาคืออะไรบ้าง ?

ตอบ คือ

  1. ดอกไม้ทิพย์ประดับกายเหี่ยวแห้ง
  2. ผ้าภูษาทรงมีสีเศร้าหมอง
  3. เหงื่อไหลออกจากรักแร้
  4. ร่างกายปรากฏชรา
  5. พระทัยกระสันเป็นทุกข์ เหนื่อยหน่ายจากเทวโลก ฯ

ถาม สัมปทาคุณ 3 ประการของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คืออะไรบ้าง ? เกิดผลดีอย่างไร ?

ตอบ คือ

  1. เหตุสัมปทา คือการบำเพ็ญบารมีมาอย่างครบถ้วน
  2. ผลสัมปทา คือการที่ทรงได้รับผลของบารมี ทำให้มีรูปกายประกอบด้วยมหาปุริสลักษณะ อานุภาพ การละกิเลสและ พระญาณหยั่งรู้ เป็นต้น
  3. สัตตูปการสัมปทา คือการที่ทรงบำเพ็ญประโยชน์แก่ชาวโลกด้วยพระทัยที่บริสุทธิ์ ฯ

เกิดผลดี คือ ทำให้พระองค์ทรงเป็นที่ตั้งแห่งศรัทธาและความเลื่อมใสของบัณฑิตชน ทั้งเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจะพึงปรารภเป็นอารมณ์แล้วก่อสร้างสั่งสมบุญกุศลให้ไพบูลย์ ฯ


ถาม เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะประสูติ มีปาฏิหาริย์อะไรเกิดขึ้นบ้าง ?

ตอบ มีปาฏิหาริย์ 7 อย่าง คือ

  1. พระมารดาทรงประทับยืน
  2. ประสูติไม่เปรอะเปื้อนด้วยครรภมลทิน
  3. มีเทวดามาคอยรับก่อน
  4. มีธารน้ำร้อนน้ำเย็นตกลงมาจากอากาศสนานพระกาย
  5. เมื่อประสูติออกมาทรงเดินได้ 7 ก้าว
  6. ทรงเปล่งวาจาเป็นบุพพนิมิตแห่งพระสัมมาสัมโพธิญาณ
  7. แผ่นดินไหว ฯ

ถาม ในการบำเพ็ญเพียรเพื่อบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณของพระโพธิสัตว์ อยากทราบว่าการบำเพ็ญทุกรกิริยาและอุปมา 3 ข้อ อย่างไหนเกิดก่อน ? ทรงมีเหตุผลอย่างไร ?

ตอบ อุปมา 3 ข้อเกิดก่อน การบำเพ็ญทุกรกิริยาเกิดภายหลัง ฯ เพราะเมื่ออุปมา 3 ข้อ มาปรากฏแก่พระองค์แล้ว ทรงคิดจะบำเพ็ญเพียรเพื่อป้องกันจิตไม่ให้น้อมไปในกามารมณ์ได้ จึงทรงบำเพ็ญทุกรกิริยา ฯ


ถาม อปาณกฌาน ได้แก่อะไร ? พระพุทธเจ้าได้ทรงบำเพ็ญครั้งไหน ? และได้รับผลอย่างไร ?

ตอบ ได้แก่ความเพ่งไม่มีปราณ คือไม่มีลมอัสสาสะปัสสาสะ โดยเนื้อความก็คือกลั้นลมหายใจไม่ให้ดำเนินทางจมูกและทางปาก ฯ ได้ทรงบำเพ็ญในคราวทรงทำทุกรกิริยา ฯ ไม่ได้รับผลที่ทรงมุ่งหวังกลับเป็นการทรมานร่างกายให้ลำบากเปล่า ฯ


ถามสิ่งทั้งปวงไม่ควรแก่ข้าพเจ้าๆ ไม่ชอบใจหมด” เป็นคำพูดของใคร ? พระพุทธองค์ ตรัสตอบว่าอย่างไร ?

ตอบ เป็นคำพูดของทีฆนขะ อัคคิเวสสนโคตร ฯ ตรัสตอบว่า ถ้าอย่างนั้น ความเห็นอย่างนั้น ก็ต้องไม่ควรแก่ท่าน ท่านก็ต้องไม่ชอบความเห็นอย่างนั้น ฯ


ถาม พระศาสดารับสั่งให้ท่านพระมหากัสสปะทรงจีวรที่คฤหบดีถวายเป็นต้น แต่ท่านมิได้ทำตาม เพราะเห็นอำนาจประโยชน์อะไร ?

ตอบ เห็นประโยชน์ 2 อย่าง คือ

  1. การอยู่เป็นสุขในบัดนี้ของตน
  2. การอนุเคราะห์ประชุมชนในภายหลัง ประชุมชนในภายหลังทราบว่าสาวกของพระพุทธเจ้าไม่ประพฤติตนอย่างนั้น จักถึงทิฏฐานุคติ ปฏิบัติตามที่ตนได้เห็นได้ยิน ความปฏิบัตินั้น จักเป็นไปเพื่อประโยชน์และสุขแก่เขาสิ้นกาลนาน ฯ

ถาม ก่อนที่ท่านพระโมฆราชจะมาเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนา ท่านเคยเป็นศิษย์ของใคร ? ผู้นั้นตั้งสำนักสอนอยู่ที่ไหน ?

ตอบ เป็นศิษย์ของพาวรีพราหมณ์ ฯ อยู่ที่ฝั่งแม่น้ำโคธาวรี ที่พรมแดนแห่งเมืองอัสสกะและเมืองอาฬกะ ฯ


ถาม ท่านพระอานนท์ทูลขอพรพระบรมศาสดาก่อนจะรับเป็นพุทธุปัฏฐากไว้ 8 ข้อ ท่านมีเหตุผลที่ทูลขอพร 4 ข้อหลังว่าอย่างไร ?

ตอบ ใน 4 ข้อหลังนี้ 3 ข้อแรก เพื่อจะป้องกันคนพูดว่า พระอานนท์บำรุงพระศาสดาทำอะไร เพราะพระองค์ไม่ทรงอนุเคราะห์แม้ด้วยกิจเท่านี้ ส่วนข้อสุดท้าย เมื่อมีคนถามในที่ลับหลัง พระพุทธองค์ว่า ธรรมนี้พระองค์ทรงแสดงในที่ไหน ถ้าท่านบอกไม่ได้ เขาก็จะพูดได้ว่า ท่านไม่รู้แม้แต่เรื่องเท่านี้ ไม่ละพระศาสดาเที่ยวตามเสด็จอยู่ ดุจเงาตามตัวสิ้นกาลนาน เพราะเหตุอะไร ฯ


ถาม บุคคลต่อไปนี้ได้รับเอตทัคคะในทางใด ?

  1. พระอนุรุทธเถระ
  2. พระโสณโกฬิวิสเถระ
  3. พระรัฐปาลเถระ
  4. นางปฏาจาราเถรี
  5. นางกีสาโคตมีเถรี

ตอบ

  1. พระอนุรุทธเถระ ได้ทิพยจักษุญาณ
  2. พระโสณโกฬิวิสเถระ มีความเพียรปรารภแล้ว
  3. พระรัฐปาลเถระ บวชด้วยศรัทธา
  4. นางปฏาจาราเถรี ทรงไว้ซึ่งวินัย
  5. นางกีสาโคตมีเถรี ทรงไว้ซึ่งจีวรอันเศร้าหมอง ฯ