ปัญหาและเฉลยวิชาวินัย  นักธรรมชั้นโท พ.ศ. 2552

ถาม สิกขาบทนอกพระปาติโมกข์ที่เรียกว่าอภิสมาจารแบ่งเป็น 2 คือเป็นข้อห้าม 1 เป็นข้ออนุญาต 1 นั้นคืออย่างไร? ปรับโทษแก่ผู้ล่วงละเมิดไว้อย่างไร?

ตอบ ที่เป็นข้อห้ามคือ กิริยาบางอย่างหรือบริขารบางประเภทไม่เหมาะแก่สมณสารูป จึงทรงห้ามไม่ให้กระทำหรือใช้บริขารเช่นนั้น เช่น ห้ามไม่ให้ไว้ผมยาว ไม่ให้ไว้หนวดเครายาว ไม่ให้ใช้บาตรไม้ เป็นต้น ที่เป็นข้ออนุญาต คือเป็นการประทานประโยชน์พิเศษแก่พระภิกษุ เช่น ทรงอนุญาตวัสสิกาสาฎกในฤดูฝน เป็นต้น ฯ ปรับโทษโดยตรงมีเพียง 2 คือ ถุลลัจจัย 1 ทุกกฏ 1 แม้ในข้อที่ทรงอนุญาต เมื่อไม่ทำตาม ก็เป็นอาบัติทุกกฏ เพราะไม่เอื้อเฟื้อ ฯ


ถาม มีพระบัญญัติข้อหนึ่งว่า อย่าพึงนุ่งผ้าอย่างคฤหัสถ์ อย่าพึงห่มผ้าอย่างคฤหัสถ์ ในกรณีที่ภิกษุถูกโจรชิงผ้านุ่งห่มไปหมด พึงปฏิบัติอย่างไรจึงจะถูกต้องตามพระวินัย?

ตอบ พึงปิดกายด้วยวัตถุอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นการชั่วคราว โดยที่สุดแม้ใบไม้ก็ใช้ได้ ห้ามมิให้เปลือยกาย ฯ


ถาม ผ้าสำหรับทำจีวรนุ่งห่มนั้นทรงอนุญาตไว้กี่ชนิด อะไรบ้าง?

ตอบ ทรงอนุญาตไว้ 6 ชนิด คือ

  1. โขมะ ผ้าทำด้วยเปลือกไม้
  2. กัปปาสิกะ ผ้าทำด้วยฝ้าย
  3. โกเสยยะ ผ้าทำด้วยใยไหม
  4. กัมพละ ผ้าทำด้วยขนสัตว์ ยกเว้นผมและขนมนุษย์
  5. สาณะ ผ้าทำด้วยเปลือกป่าน
  6. ภังคะ ผ้าที่ทำด้วยของ 5 อย่างนั้น อย่างใดอย่างหนึ่งปนกัน ฯ

ถาม การประณาม ในพระวินัยหมายความว่าอย่างไร? มีพระพุทธานุญาตให้อุปัชฌาย์ทำการประณามสัทธิวิหาริกผู้ประพฤติอย่างไร?

ตอบ หมายความว่า การไล่สัทธิวิหาริก หรืออันเตวาสิกผู้ประพฤติมิชอบ ผู้ประพฤติดังนี้

  1. หาความรักใคร่ในอุปัชฌาย์มิได้
  2. หาความเลื่อมใสมิได้
  3. หาความละอายมิได้
  4. หาความเคารพมิได้
  5. หาความหวังดีต่อมิได้ ฯ

ถาม บุพพกรณ์และบุพพกิจ ในการทำอุโบสถต่างกันอย่างไร? ในวัดที่มีภิกษุ 3 รูป เมื่อถึงวันอุโบสถ จะต้องทำบุพพกรณ์และบุพพกิจหรือไม่ เพราะเหตุไร?

ตอบ บุพพกรณ์ คือ กรณียะอันจะพึงกระทำให้เสร็จก่อนประชุมสงฆ์ ส่วนบุพพกิจ เป็นธุระอันจะพึงทำก่อนแต่สวดปาติโมกข์ ฯ บุพพกรณ์นั้นเป็นกรณียะ จะต้องทำเพราะต้องไปประชุมกันตามกิจ ส่วนบุพพกิจนั้นไม่ต้องทำเพราะภิกษุ 3 รูปไม่ต้องสวดปาติโมกข์ ฯ


ถาม ภิกษุจำพรรษาอยู่ด้วยกัน 5 รูป 4 รูป 3 รูป 2 รูปหรืออยู่รูปเดียว ถึงวันปวารณาพึงปฏิบัติอย่างไร?

ตอบ

  • อยู่ด้วยกัน 5 รูปพึงทำปวารณาเป็นการสงฆ์
  • อยู่ด้วยกัน 4 รูป 3 รูป 2 รูป พึงทำปวารณาเป็นการคณะ
  • อยู่รูปเดียว พึงอธิษฐานเป็นการบุคคล

ถาม การทำนอกรีตนอกรอยของสมณะที่เรียกว่า อนาจาร ปาปสมาจาร และอเนสนา ได้แก่ความประพฤติเช่นไร รวมเรียกว่าอะไร?

ตอบ

  • อนาจาร ได้แก่ ความประพฤติไม่ดี ไม่งาม และเล่นมีประการต่างๆ
  • ปาปสมาจาร ได้แก่ ความประพฤติเลวทราม
  • อเนสนา ได้แก่ ความเลี้ยงชีพไม่สมควร

รวมเรียกว่าอุปปถกิริยา ฯ


ถาม กาลิกคืออะไร? มีอะไรบ้าง? กาลิกระคนกันมีกำหนดอายุไว้อย่างไร? จงยกตัวอย่าง

ตอบ

ของที่จะพึงกลืนให้ล่วงลำคอลงไป มีดังนี้ ยาวกาลิก ยามกาลิก สัตตาหกาลิก และยาวชีวิก ฯ

กาลิกระคนกันกำหนดอายุตามกาลิกที่มีอายุสั้นที่สุดเป็นเกณฑ์ เช่น เอายาผงที่เป็นยาวชีวิกซึ่งไม่จำกัดอายุคลุกับน้ำผึ้งที่เป็นสัตตาหกาลิกซึ่งมีกำหนดอายุไว้ 7 วัน ดังนี้ต้องถืออายุ 7 วันเป็นเกฑ์ ฯ


ถาม การแสดงอาบัติ การอธิษฐาน การทำวิกัป ในทางพระวินัยเรียกว่าอะไร? การทำกิจเหล่านี้จำกัดบุคคลไว้อย่างไร?

ตอบ

การแสดงอาบัติ การอธิษฐาน การทำวิกัป ในทางพระวินัยเรียกว่า วินัยกรรม ฯ

  • การแสดงอาบัติ จำกัดภิกษุผู้รับ ต้องเป็นภิกษุผู้มีสังวาสเดียวกัน
  • การอธิษฐาน ให้ทำเอง
  • การทำวิกัป จำกัดผู้รับ ต้องทำกับสหธรรมิกทั้ง 5 คือ ภิกษุ ภิกษุณี สามเถร สามเณรี สิกขมานา รูปใดรูปหนึ่ง

ถาม ภิกษุผู้ได้ชื่อว่าประดับพระศาสนาให้รุ่งเรืองเพราะประพฤติปฏิบัติเช่นไร? จงชี้แจง

ตอบ เพราะมีความประพฤติปฏิบัติสุภาพเรียบร้อย สมบูรณ์ด้วยอภิสมาจาริกวัตร เว้นจากบุคคลและสถานที่ไม่ควรไปคืออโคจร เป็นผู้ได้ชื่อว่าอาจารโคจรสัมปันโน ผู้ถึงพร้อมด้วยมรรยาทและโคจรอันเป็นคู่กับคุณบทว่า สีลสัมปันโน ผู้ถึงพร้อมด้วยศีล ฯ