๑. ข้อใดเป็นความหมายของคำว่า สมถะ ?
ก. อุบายเรืองปัญญา
ข. อุบายสงบกาย
ค. อุบายสงบใจ
ง. อุบายสงบวาจา
๒. จะรู้แจ้งสรรพสิ่งตามเป็นจริง ต้องเจริญกัมมัฏฐานอะไร ?
ก. อนุสสติกัมมัฏฐาน
ข. สมถกัมมัฏฐาน
ค. วิปัสสนากัมมัฏฐาน
ง. อสุภกัมมัฏฐาน
๓. ผู้ลุ่มหลงอยู่กับการเล่นเกมส์ เพราะถูกกิเลสกามข้อใดครอบงำ ?
ก. โลภะ
ข. โทสะ
ค. โมหะ
ง. อรติ
๔. กามเป็นเหตุให้สัตว์หลงติดอยู่ในโลก เรียกว่าอะไร ?
ก. กามาสวะ
ข. กามคุณ
ค. กามกิเลส
ง. กามตัณหา
๕. การนำดอกไม้ไปไหว้พระพุทธรูป จัดเป็นการบูชาประเภทใด ?
ก. สักการะบูชา
ข. พุทธบูชา
ค. ปฏิบัติบูชา
ง. อามิสบูชา
๖. ปูชนียบุคคล ในเรื่องบูชา ๒ หมายถึงบุคคลประเภทใด ?
ก. คนร่ำรวยทรัพย์
ข. คนปฏิบัติตามกฎหมาย
ค. คนวางตนน่ายกย่อง
ง. คนเรียนจบระดับสูง
๗. เมื่อมีผู้มาเยือน ควรต้อนรับตามหลักปฏิสันถารอย่างไร ?
ก. ถามถึงธุระที่มาเยือน
ข. ถามถึงสิ่งที่ต้องการ
ค. แนะนำประโยชน์ให้
ง. ต้อนรับให้สมแก่ฐานะ
๘. การต้อนรับผู้มาเยือนข้อใด เรียกว่า ธรรมปฏิสันถาร ?
ก. มอบหนังสือธรรมะให้
ข. ชวนให้ปฏิบัติธรรม
ค. มอบพระเครื่องให้
ง. กล่าวธรรมให้ฟัง
๙. ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ สงเคราะห์เข้าในสุขข้อใด ?
ก. สุขทางกาย
ข. สุขทางใจ
ค. สุขอิงอามิส
ง. สุขไม่อิงอามิส
๑๐. เมื่อเกิดกามวิตกขึ้น จะมีพฤติกรรมเช่นใด ?
ก. อยากได้ของผู้อื่น
ข. อยากเป็นใหญ่เป็นโต
ค. อยากมีชื่อเสียง
ง. อยากให้คนยกย่อง
๑๑. ผู้มีเนกขัมมวิตก มักมีความคิดเช่นใด ?
ก. คิดออกบวช
ข. คิดเข้าวัดฟังธรรม
ค. คิดบริจาคทาน
ง. คิดรักษาศีลอุโบสถ
๑๒. การครุ่นคิดวางแผนใส่ร้ายผู้อื่น จัดเป็นอกุศลวิตกข้อใด ?
ก. กามวิตก
ข. พยาบาทวิตก
ค. วิหิงสาวิตก
ง. อวิหิงสาวิตก
๑๓. อาการหงุดหงิดเกิดขึ้นในใจ จัดเป็นไฟชนิดใด ?
ก. ไฟสุ่มทรวง
ข. ไฟริษยา
ค. ไฟโทสะ
ง. ไฟโมหะ
๑๔. พฤติกรรมเช่นใด จัดเป็นลักษณะของไฟคือราคะ ?
ก. ล่วงละเมิดทางเพศ
ข. ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
ค. แสดงอารยะขัดขืน
ง. แสดงความหึงหวง
๑๕. พฤติกรรมเช่นใด จัดเป็นลักษณะของไฟคือโมหะ ?
ก. ไม่มีระเบียบวินัย
ข. ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี
ค. ไม่มีสมบัติผู้ดี
ง. ไม่รับผิดชอบหน้าที่
๑๖. ประชาธิปไตยไม่พัฒนา เพราะขาดอธิปเตยยะข้อใด ?
ก. อัตตาธิปเตยยะ
ข. โลกาธิปเตยยะ
ค. ธัมมาธิปเตยยะ
ง. อนาธิปเตยยะ
๑๗. การปกครองที่ถือเสียงข้างมาก จัดเข้าในข้อใด ?
ก. อัตตาธิปเตยยะ
ข. โลกาธิปเตยยะ
ค. ธัมมาธิปเตยยะ
ง. อนาธิปเตยยะ
๑๘. ปัญญาหยั่งรู้ว่า การเกิดเป็นทุกข์ จัดเป็นญานอะไร ?
ก. สัจจญาณ
ข. กิจจญาณ
ค. กตญาณ
ง. มัคคญาณ
๑๙. แย่งอำนาจกันครอง จัดเป็นตัณหาชนิดใด ?
ก. กามตัณหา
ข. ภวตัณหา
ค. วิภวตัณหา
ง. กิเลสตัณหา
๒๐. ไม่อยากแก่ ไม่อยากตาย จัดเป็นตัณหาประเภทใด ?
ก. กามตัณหา
ข. ภวตัณหา
ค. วิภวตัณหา
ง. กิเลสตัณหา
๒๑. เกรดตกอกหกรักคุด แล้วฆ่าตัวตาย จัดเป็นตัณหาประเภทใด ?
ก. กามตัณหา
ข. ภวตัณหา
ค. วิภวตัณหา
ง. กิเลสตัณหา
๒๒. พระพุทธเจ้าทรงยกย่องปาฏิหาริยะประเภทใด ?
ก. อิทธิปาฏิหาริยะ
ข. อาเทสนาปาฏิหาริยะ
ค. ยมกปาฏิหาริยะ
ง. อนุสาสนีปาฏิหาริยะ
๒๓. ข้อใด เป็นอำนาจอัศจรรย์ของอาเทสนาปาฏิหาริย์ ?
ก. ล่องหนได้
ข. ทายใจคนได้
ค. ดำดินได้
ง. เหยียบน้ำทะเลจืด
๒๔. การสงเคราะห์ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ จัดเข้าในข้อใด ?
ก. โลกัตถจริยา
ข. ญาตัตถจริยา
ค. พุทธัตถจริยา
ง. ธัมมจริยา
๒๕. ข้อใด เป็นการเวียนว่ายตายเกิด ?
ก. กิเลสตัณหา
ข. กิเลส กรรม วิบาก
ค. ทำความชั่วไว้
ง. ต้องรับผลกรรม
๒๖. ข้อใด เป็นความหมายของคำว่า สิกขา ในพระพุทธศาสนา ?
ก. ศึกษาเล่าเรียน
ข. ฝึกซ้อมภาคปฏิบัติ
ค. ฝึกหัดกาย วาจา ใจ
ง. ฝึกหัดทำสมาธิ
๒๗. อานิสงส์ของการปฏิบัติไตรสิกขา คือข้อใด ?
ก. กำจัดทุกข์
ข. กำจัดโศก
ค. กำจัดภัย
ง. กำจัดกิเลส
๒๘. ภูมิอันหาความเจริญมิได้ เรียกว่าอะไร ?
ก. อสูรกายภูมิ
ข. นรกภูมิ
ค. อบายภูมิ
ง. ดิรัจฉานภูมิ
๒๙. คบคนพาล พาลพาไปหาผิด ควรใช้อปัสเสนธรรมข้อใด ?
ก. พิจารณาแล้วเสพ
ข. พิจารณาแล้วเว้น
ค. พิจารณาแล้วอดกลั้น
ง. พิจารณาแล้วบรรเทา
๓๐. เมตตา ควรแผ่ให้บุคคลจำพวกใด ?
ก. ทุกจำพวก
ข. ผู้ประสบทุกข์
ค. ผู้ประสบสุข
ง. ผู้ที่ตายแล้ว
๓๑. กรุณา ควรแผ่ให้บุคคลจำพวกใด ?
ก. ทุกจำพวก
ข. ผู้ประสบทุกข์
ค. ผู้ประสบสุข
ง. ผู้ที่ตายแล้ว
๓๒. โสดาบันบุคคล ได้แก่บุคคลประเภทใด ?
ก. ผู้สิ้นกิเลส
ข. ผู้ห่างไกลกิเลส
ค. ผู้ไม่กลับมาเกิดอีก
ง. ผู้ถึงกระแสนิพพาน
๓๓. ผู้ละกามราคะ และปฏิฆะได้เด็ดขาด คือใคร ?
ก. พระโสดาบัน
ข. พระสกทาคามี
ค. พระอนาคามี
ง. พระอรหันต์
๓๔. เทศนาที่ขัดเกลาจิตมิให้เป็นคนหยาบกระด้าง ตรงกับข้อใด ?
ก. ทานกถา
ข. สีลกถา
ค. สัคคกถา
ง. กามทีนวกถา
๓๕. ผู้ประกอบด้วยวัณณมัจฉริยะ มีพฤติกรรมเช่นใด ?
ก. หวงแหนตระกูล
ข. กลัวคนอื่นได้ดีกว่า
ค. เห็นแก่ตัว
ง. หาผลประโยชน์ใส่ตัว
๓๖. อาการปวดศรีษะ จัดเป็นมารประเภทใด ?
ก. กิเลสมาร
ข. ขันธมาร
ค. อภิสังขารมาร
ง. เทวปุตตมาร
๓๗. มารที่ครอบงำบุคคลให้ประกอบทุจริตคิดมิชอบ ตรงกับข้อใด ?
ก. กิเลสมาร
ข. ขันธมาร
ค. อภิสังขารมาร
ง. เทวปุตตมาร
๓๘. ความดีใจที่ได้รับเหรียญรางวัล จัดเป็นเวทนาใด ?
ก. สุขเวทนา
ข. อุเบกขาเวทนา
ค. โสมนัสเวทนา
ง. โทมนัสเวทนา
๓๙. เชื่อข่าวลือ ถือมงคล ตื่นข่าว จัดว่าเป็นคนมีจริตอะไร ?
ก. โมหจริต
ข. วิตักกจริต
ค. สัทธาจริต
ง. พุทธิจริต
๔๐. คิดหนัก มักระแวง จิตฟุ้งซ่าน จัดว่าเป็นคนมีจริตอะไร ?
ก. ราคจริต
ข. โทสจริต
ค. โมหจริต
ง. วิตักกจริต
๔๑. บุคคลเข้าใจซาบซึ้งพระธรรมเฉพาะตนเอง ตรงกับข้อใด ?
ก. สนฺทิฏฺฐิโก
ข. อกาลิโก
ค. เอหิปสฺสิโก
ง. ปจฺจตฺตํ
๔๒. การรักษาศีลให้บริสุทธิ์ ตรงกับวิสุทธิข้อใด ?
ก. สีลวิสุทธิ
ข. จิตตวิสุทธิ
ค. ทิฏฐิวิสุทธิ
ง. กังขาวิตรณวิสุทธิ
๔๓. ความหมดจดแห่งจิต ตรงกับวิสุทธิข้อใด ?
ก. จิตตวิสุทธิ
ข. ญาณทัสสนวิสุทธิ
ค. ทิฏฐิวิสุทธิ
ง. กังขาวิตรณวิสุทธิ
๔๔. ข้อใด ไม่ใช่ความหมายของอวิชชา ?
ก. ไม่รู้จักเหตุแห่งทุกข์
ข. ไม่รู้จักกฎแห่งกรรม
ค. ไม่รู้หลักวิชาการ
ง. ไม่รู้จักอดีตอนาคต
๔๕. คำว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ตรงกับพุทธคุณข้อใด ?
ก. อรหํ
ข. พุทฺโธ
ค. โลกวิทู
ง. ภควา
๔๖. พระพุทธเจ้าตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง เป็นพุทธคุณข้อใด ?
ก. สมฺมาสมฺพุทฺโธ
ข. วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน
ค. สุคโต โลกวิทู
ง. สตฺถา เทวมนุสฺสานํ
๔๗. สังฆคุณข้อว่า อญฺชลิกรณีโย มีความหมายว่าอย่างไร ?
ก. ควรแก่ของคำนับ
ข. ควรแก่การต้อนรับ
ค. ควรแก่ของทำบุญ
ง. ควรแก่การกราบไหว้
๔๘. ข้อใดเป็นความหมายของคำว่า บารมี ในพระพุทธศาสนา ?
ก. แผ่ขยายอิทธิพล
ข. สั่งสมบริวาร
ค. มีอำนาจวาสนา
ง. มีคุณธรรมยวดยิ่ง
๔๙. ผู้บริจาคดวงตาให้บุคคลอื่น จัดเป็นบารมีระดับใด ?
ก. ทานบารมี
ข. ทานอุปบารมี
ค. ทานปรมัตถบารมี
ง. เมตตาบารมี
๕๐. ผู้ประสบอุบัติเหตุตายก่อนวัยอันควร เพราะกรรมใดให้ผล ?
ก. ครุกรรม
ข. อุปฆาตกกรรม
ค. อุปปีกกรรม
ง. อาสันนกรรม