ปัญหาข้อที่ 1
ถาม ปริเยสนา 2 อย่างตามความในพระสูตรท่านแสดงไว้อย่างไร ?
ตอบ แสดงว่า แสวงหาสิ่งอันมิใช่ของมีชรา พยาธิ มรณะ โสกะและสังกิเลส เป็นธรรมดา คือธรรมอันเกษมมีพระนิพพานเป็นอย่างสูง จัดเป็นอริย ปริเยสนา แสวงหาสิ่งอันมีชรา พยาธิ มรณะ โสกะและสังกิเลสเป็นธรรมดา ทั้งที่สภาพเช่นนั้นก็มีในตนอยู่พร้อมแล้ว จัดเป็นอนริยปริเยสนา
ถาม ภิกษุควรแสวงหาเลี้ยงชีพอย่างไรจึงเป็นการแสวงหาอย่างประเสริฐ ?
ตอบ ภิกษุแสวงหาเลี้ยงชีพโดยอุบายอันสมควร ทั้งไม่เป็นโลกวัชชะมีโทษทางโลกและไม่เป็นปัณณัตติวัชชะ มีโทษทางพระบัญญัติ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ตนและผู้อื่นจึงจะเป็นการแสวงหาอย่างประเสริฐ
ปัญหาข้อที่ 2
ถาม ปรีชาหยั่งรู้อะไรจัดเป็นกิจจญาณ ?
ตอบ ปรีชาหยั่งรู้ว่า ทุกข์เป็นธรรมชาติที่ควรกำหนดรู้ ทุกขสมุทัยเป็นสภาพที่ควรละเสีย ทุกขนิโรธเป็นสภาพที่ควรทำให้แจ้ง ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาเป็นธรรมชาติที่ควรทำให้เกิด จัดเป็นกิจจญาณ
ถาม สิกขาคืออะไร ? มีเท่าไร ? อะไรบ้าง ?
ตอบ ปฏิปทาที่ตั้งไว้เพื่อศึกษา คือฝึกหัดไตรทวารไปตาม ชื่อว่าสิกขา มี 3 อย่างคือ
- อธิสีลสิกขา สิกขาคือศีลยิ่ง
- อธิจิตตสิกขา สิกขาคือจิตยิ่ง
- อธิปัญญาสิกขา สิกขาคือปัญญายิ่ง
ปัญหาข้อที่ 3
ถาม อัปปมัญญา 4 กับพรหมวิหาร 4 ต่างกันอย่างไร ?
ตอบ ต่างกันอย่างนี้คือ อัปปมัญญาได้แก่การแผ่โดยไม่เจาะจงตัว และไม่มีจำกัด ส่วนพรหมวิหารได้แก่การแผ่โดยเจาะจงตัว หรือโดยไม่เจาะจงตัวแต่ยังจำกัดมุ่งเอาหมู่นี้หมู่นั้น
ถาม อะไรเรียกว่า อริยวงศ์ ? แจกออกเป็นเท่าไร ? อะไรบ้าง ?
ตอบ ปฏิปทาของพระอริยบุคคลผู้เป็นสมณะเรียกว่า อริยวงศ์ แจกออกเป็น 4 คือ
- สันโดษด้วยจีวรตามมีตามเกิด
- สันโดษด้วยบิณฑบาตตามมีตามเกิด
- สันโดษด้วยเสนาสนะตามมีตามเกิด
- ยินดีในการเจริญกุศลและในการละอกุศล
ปัญหาข้อที่ 4
ถาม อุปาทานคืออะไร ? มีกี่อย่าง ? อะไรบ้าง ?
ตอบ อุปาทานคือการถือมั่นข้างเลว ได้แก่การถือรั้น มี 4 คือ
- กามุปาทาน ถือมั่นในกาม
- ทิฏฐุปาทาน ถือมั่นทิฏฐิ
- สีลัพพตุปาทาน ถือมั่นศีลพรต
- อัตตวาทุปาทาน ถือมั่นวาทะว่าตน
ถาม กำเนิด 4 มีอะไรบ้าง ?
ตอบ กำเนิด 4 ประกอบด้วย
- ชลาพุชะ เกิดในครรภ์
- อัณฑชะ เกิดในไข่
- สังเสทชะ เกิดในเถ้าไคล
- โอปปาติกะ เกิดผุดขึ้น
ปัญหาข้อที่ 5
ถาม การสำรวมระวังปิดกั้นอกุศลเรียกว่าอะไร ? มีเท่าไร ? อะไรบ้าง ?
ตอบ เรียกว่า สังวร มี 5 คือ
- สีลสังวร สำรวมด้วยศีล
- สติสังวร สำรวมด้วยสติ
- ญาณสังวร สำรวมด้วยญาณ
- ขันติสังวร สำรวมด้วยขันติ
- วิริยสังวร สำรวมด้วยความเพียร
ถาม สติสังวร สำรวมด้วยสตินั้น มีอธิบายอย่างไร ?
ตอบ มีอธิบายว่า สำรวมอินทรีย์มีจักษุเป็นต้นระวังรักษามิให้อกุศลธรรมเข้า ครอบงำ เมื่อเห็นรูปเป็นต้น ทั้งมีสติไม่ฟั่นเฟือนลืมหลง ระลึกได้ก่อนแต่ทำ พูด คิด ไม่ให้ผิดทางกาย วาจา ใจ ไม่ประมาทหลงทำกรรมชั่ว
ปัญหาข้อที่ 6
ถาม ทำไมท่านจึงเปรียบวิสุทธิ 7 เหมือนรถ 7 ผลัด ?
ตอบ เพราะวิสุทธิ 7 นี้ เป็นปัจจัยส่งต่อกันขึ้นไปเพื่อบรรลุพระนิพพาน ท่านจึงเปรียบเหมือนรถ 7 ผลัดต่างส่งต่อซึ่งคนผู้ไปให้ถึงสถานที่ปรารถนา
ถาม อะไรจัดเป็นปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิ ?
ตอบ วิปัสสนาญาณ 9 จัดเป็นปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิ
ปัญหาข้อที่ 7
ถาม จงให้ความหมายของคำต่อไปนี้
- ภควา
- โอปนยิโก
ตอบ
- ภควา คือพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงเป็นผู้มีโชค คือจะทรงทำการใด ก็ ลุล่วงปลอดภัยทุกประการ อีกอย่างหนึ่งเป็นผู้จำแนกแจกธรรม
- โอปนยิโก คือพระธรรมมีคุณควรน้อมเข้ามาในใจของตนหรือควรน้อมใจเข้าไปหาพระธรรมนั้นด้วยการปฏิบัติให้เกิดมีขึ้นในใจ
ปัญหาข้อที่ 8
ถาม บารมีคืออะไร ? มีกี่อย่าง ? อะไรบ้าง ?
ตอบ บารมีคือคุณสมบัติหรือปฏิปทาอันยวดยิ่ง มี 10 อย่าง คือ
- ทาน
- ศีล
- เนกขัมมะ
- ปัญญา
- วิริยะ
- ขันติ
- สัจจะ
- อธิษฐาน
- เมตตา
- อุเบกขา
ถาม สังโยชน์อะไรเรียกว่า โอรัมภาคิยสังโยชน์ ? มีอะไรบ้าง ?
ตอบ สังโยชน์เบื้องต่ำคืออย่างหยาบเรียกว่า โอรัมภาคิยสังโยชน์ มี 5 อย่างคือ
- สักกายทิฏฐิ
- วิจิกิจฉา
- สีลัพพตปรามาส
- กามราคะ
- ปฏิฆะ
ปัญหาข้อที่ 9
ถาม จงอธิบายคำต่อไปนี้
- มิจฉาสมาธิ
- สัมมาสมาธิ
ตอบ
- มิจฉาสมาธิ คือการตั้งจิตไว้ผิด โดยนำสมาธิที่ได้นั้นไปใช้ในผิดทาง เช่น สะกดจิตในทางหาลาภให้แก่ตนเอง ในทางหาผลประโยชน์ ทำให้ผู้อื่นหลงงมงายในวิชาความรู้ ในทางให้ร้ายผู้อื่นและในทางนำให้หลง
- สัมมาสมาธิ คือการตั้งจิตไว้ชอบในองค์ฌาน 4 หรือมีนัยตรงกันข้ามกับ มิจฉาสมาธิข้างต้น
ปัญหาข้อที่ 10
ถาม ธุดงค์ 13 ท่านกล่าวว่า เป็นวัตรจริยาพิเศษอย่างหนึ่งไม่ใช่ศีลนั้น คืออย่างไร ?
ตอบ คือการสมาทานหรือข้อที่ถือปฏิบัติจำเพาะผู้สมัครใจจะพึงสมาทานประพฤติไม่มีโทษ มีแต่ให้คุณแก่ผู้ถือปฏิบัติ
ถาม ธุดงค์นั้น ท่านบัญญัติไว้เพื่ออะไร ?
ตอบ เพื่อเป็นอุบายบรรเทาขัดเกลาและกำจัดกิเลส เป็นไปเพื่อความมักน้อยและสันโดษ เป็นต้น