ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม  นักธรรมชั้นเอก พ.ศ. 2550

ถาม สหคตทุกข์ คือทุกข์เช่นไร ? มียศชื่อว่าเป็นทุกข์นั้น มีอธิบายอย่างไร ?

ตอบ คือ ทุกข์ไปด้วยกัน หรือทุกข์กำกับกัน ได้แก่ทุกข์มีเนื่องมาจาก วิบุลผล ฯ มียศคือได้รับตั้งเป็นใหญ่กว่าคนสามัญเป็นชั้น ๆ ต้องเป็นอยู่เติบกว่าคนสามัญ จำต้องมีทรัพย์มากเป็นกำลัง มักหาได้ไม่พอใช้ ต้องมีภาระมาก เวลาไม่เป็นของตน เป็นที่เกาะของผู้อื่นจนนุงนัง ต้องพลอยสุขทุกข์ด้วยเขา ฯ


ถาม ไวพจน์แห่งวิราคะ ได้แก่อะไรบ้าง ?

ตอบ ได้แก่

  • มทนิมฺมทโน แปลว่า ธรรมยังความเมาให้สร่าง
  • ปิปาสวินโย แปลว่า ความนำเสียซึ่งความระหาย
  • อาลยสมุคฺฆาโต แปลว่า ความถอนขึ้นด้วยดีซึ่งอาลัย
  • วฏฺฏูปจฺเฉโท แปลว่า ความเข้าไปตัดเสียซึ่งวัฏฏะ
  • ตณฺหกฺขโย แปลว่า ความสิ้นแห่งตัณหา
  • นิโรโธ แปลว่า ความดับ
  • นิพฺพานํ แปลว่า ธรรมชาติหาเครื่องเสียบแทงมิได้ ฯ

ถาม วิมุตติ เป็นโลกิยธรรมหรือโลกุตตรธรรม ? เป็นสาสวะหรืออนาสวะ ?

ตอบ ถ้าเพ่งถึงวิมุตติที่สืบเนื่องมาจากนิพพิทาและวิราคะแล้ว ก็เป็นโลกุตตระและอนาสวะอย่างเดียว ถ้าเพ่งถึงวิมุตติ 5 วิมุตติเป็นโลกิยะก็มี เป็นสาสวะก็มี คือตทังควิมุตติและวิกขัมภนวิมุตติเป็นโลกิยะและเป็นสาสวะ วิมุตติอีก 3 ที่เหลือ เป็นโลกุตตระและเป็นอนาสวะ ฯ


ถาม ในบรรดาสังขตธรรมนั้น อะไรเป็นยอด ? เพราะเหตุไร ?

ตอบ อัฏฐังคิกมรรคเป็นยอด ฯ เพราะองค์ 8 แต่ละองค์ ๆ ของอัฎฐังคิกมรรคก็เป็นธรรมดี ๆ รวมกันเข้าทั้ง 8 ย่อมเป็นธรรมดียิ่งนัก และเป็นทางเดียวนำไปถึงความดับทุกข์หรือถึงความหมดจดแห่งทัสสนะ ฯ


ถาม บาลีแสดงปฏิปทาแห่งสันติว่า ผู้เพ่งความสงบพึงละอามิสในโลกเสีย ความสงบ ได้แก่อะไร ? อามิส ได้แก่อะไร ? เพราะเหตุไรจึงเรียกว่าอามิส ?

ตอบ

  • ความสงบ ได้แก่ ความเรียบร้อยทางกายทางวาจาและทางใจ ฯ
  • อามิส ได้แก่ ปัญจพิธกามคุณ คือรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ อันน่าปรารถนาน่าใคร่น่าชอบใจ ฯ เพราะเป็นเครื่องล่อใจให้ติดในโลก จึงเรียกว่าอามิส ฯ

ถาม เพราะเหตุไร พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงชักนำให้บำเพ็ญสมาธิ ? หัวใจสมถกัมมัฏฐานมีอะไรบ้าง ?

ตอบ เพราะใจที่อบรมดีแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์อันใหญ่ เป็นกำลังสำคัญในอันจะให้คิดเห็นอรรถธรรมและเหตุผลอันสุขุมลุ่มลึก พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสไว้ในพระบาลีว่า สมาหิโต ยถาภูตํ ปชานาติ ผู้มีใจตั้งมั่นแล้ว ย่อมรู้ตามเป็นจริง ฯ มี กายคตาสติ เมตตา พุทธานุสสติ กสิณ จตุธาตุววัตถานะ ฯ


ถาม จงจัด นวหรคุณ แต่ละอย่างลงในพระปัญญาคุณและพระกรุณาคุณ ?

ตอบ

บท อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู เป็นพระปัญญาคุณ

บท อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ เป็นพระกรุณาคุณ

บท พุทฺโธ ภควา เป็นพระปัญญาคุณและพระกรุณาคุณทั้งสอง

(สุคโต ในที่บางแห่ง จัดเป็นทั้งพระปัญญาคุณทั้งพระกรุณาคุณ) ฯ


ถาม อะไรเป็นลักษณะ เป็นกิจ และเป็นผลของวิปัสสนา ?

ตอบ

สภาพความเป็นเองของสังขาร คือเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา จริงอย่างไร ความรู้ความเห็นว่าสังขารเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา แจ้งชัดจริงอย่างนั้น เป็นลักษณะของวิปัสสนา

การกำจัดโมหะความมืดเสียให้สิ้นเชิง ไม่หลงในสังขารว่าเป็นของเที่ยง เป็นสุข เป็นตัวเป็นตน เป็นของงาม เป็นกิจของวิปัสสนา

ความรู้แจ้งเห็นจริงในสังขารทั้งหลายว่าเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา อันสืบเนื่องมาจากการกำจัดโมหะความมืดเสียได้สิ้นเชิง ไม่มีความรู้ผิดความเห็นผิด เป็นผลของวิปัสสนา ฯ


ถาม ในอรกสูตร ทรงแสดงอุปมาชีวิตของมนุษย์ทั้งหลายไว้อย่างไรบ้าง จงบอกมา 3 ข้อ ? ที่ทรงแสดงไว้เช่นนั้นเพื่ออะไร ?

ตอบ ทรงแสดงไว้ดังนี้ คือ (ให้ตอบเพียง 3 ข้อ)

  1. เหมือนหยาดน้ำค้าง
  2. เหมือนต่อมน้ำ
  3. เหมือนรอยไม้ขีดลงในน้ำ
  4. เหมือนลำธารอันไหลมาจากภูเขา
  5. เหมือนก้อนเขฬะ
  6. เหมือนชิ้นเนื้อนาบไฟ
  7. เหมือนโคที่เขาจะฆ่า

ทรงแสดงไว้เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจให้เร่งรีบทำความดีให้ทันกับเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่ ฯ


ถาม ตามมหาสติปัฏฐานสูตร ผู้เจริญสติปัฏฐาน 4 ตลอด 7 วันถึงตลอด 7 ปี พึงหวังผลอะไรได้บ้าง ?

ตอบ พึงหวังผล 2 อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง คือ พระอรหัตผลในปัจจุบันชาตินี้ 1 หรือเมื่อวิบากขันธ์ที่กิเลสมีตัณหาเป็นต้นเข้ายึดไว้ยังเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี 1 ฯ