สัทธา 2

สัทธา แปลว่า ความเชื่อ หมายถึง ความเชื่อที่ประกอบด้วยเหตุผล ความเชื่อที่ผ่านการใช้ปัญญาพิจารณาไตร่ตรองอย่างมีเหตุผลแล้วจึงตกลงใจเชื่อ ในที่นี้หมายเอาสัทธา 2 คือ

  1. กัมมผลสัทธา เชื่อกรรมและผลของกรรม
  2. ตถาคตโพธิสัทธา เชื่อปัญญาตรัสรู้ของพระตถาคต

กัมมผลสัทธา

กัมมผลสัทธา เชื่อกรรมและผลของกรรม เชื่อกฎแห่งกรรม คือ เชื่อว่าเมื่อทำอะไรโดยมีเจตนา คือ จงใจทำทั้งรู้ ย่อมเป็นกรรม คือ เป็นความดีความชั่วมีขึ้นในตน เป็นเหตุปัจจัยก่อให้เกิดผลดีผลร้ายสืบเนื่องต่อไป และเชื่อว่ากรรมที่ทำแล้วต้องมีผล และผลต้องมีเหตุ ผลดีเกิดจากกรรมดี ผลชั่วเกิดจากกรรมชั่ว ผู้ทำกรรมดีจักได้รับผลดี ผู้ทำกรรมชั่วจักได้รับผลชั่ว

ลักษณะของความเชื่อที่เป็นกัมมผลสัทธา คือ

  • เชื่อว่าการกระทำทั้งทางกาย วาจา และใจ ย่อมส่งผลต่อผู้กระทำ
  • เชื่อว่าผลของกรรมนั้น ย่อมเป็นไปตามกฎแห่งเหตุผล
  • เชื่อว่ากรรมดี ย่อมนำสุขมาให้
  • เชื่อว่ากรรมชั่ว ย่อมนำทุกข์มาให้

ตถาคตโพธิสัทธา

ตถาคตโพธิสัทธา เชื่อปัญญาตรัสรู้ของพระตถาคต มั่นใจในองค์พระตถาคต ว่าทรงเป็นพระสัมมาสัมพุทธะ ทรงพระคุณทั้ง 9 ประการ ตรัสธรรม บัญญัติวินัยไว้ด้วยดี ทรงเป็นผู้นำทางที่แสดงให้เห็นว่า มนุษย์คือเราทุกคนนี้ หากฝึกตนด้วยดี ก็สามารถเข้าถึงภูมิธรรมสูงสุดบริสุทธิ์หลุดพ้นได้ ดังที่พระองค์ได้ทรงบำเพ็ญไว้เป็นแบบอย่าง

ข้อนี้บางแห่งเป็น รตนัตตยสัทธา เชื่อมั่นในพระรัตนตรัย คือ เชื่อมั่นในพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ อย่างไม่หวั่นไหวคลอนแคลน

ลักษณะของตถาคตโพธิสัทธา คือ

  • เชื่อว่าพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้จริง
  • เชื่อว่าพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ย่อมเป็นความจริง
  • เชื่อว่าพระวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติ ย่อมเป็นประโยชน์

ทั้งกัมมผลสัทธา และ ตถาคตโพธิสัทธา มีความสำคัญต่อพุทธศาสนิกชนเป็นอย่างมาก ช่วยให้มีแนวทางในการดำเนินชีวิต ช่วยให้เข้าใจกฎแห่งกรรม ช่วยให้มีสติ ยั้งคิดก่อนทำ ช่วยให้บรรลุเป้าหมายสูงสุดของชีวิต คือ พ้นทุกข์ และช่วยให้พุทธศาสนาดำรงคงมั่นสืบไป