กระทู้ธรรม “อตฺตานํ ทมยนฺติ สุพฺพตา”

อตฺตานํ ทมยนฺติ สุพฺพตา
ผู้ประพฤติดี ย่อมฝึกตน
บัดนี้ จักได้อธิบายขยายเนื้อความแห่งกระทู้ธรรมภาษิตที่ได้ลิขิตไว้ ณ เบื้องต้น พอเป็นแนวทางแห่งการศึกษาและประพฤติปฏิบัติ สำหรับผู้สนใจในทางธรรมเป็นลำดับสืบต่อไป
ผู้ประพฤติดี หมายถึง ผู้ที่หมั่นสร้างสมอบรมคุณงามความดี ก่อประโยชน์ให้สังคม ประเทศชาติบ้านเมือง มีความประพฤติเรียบร้อย เป็นต้น อันนี้เป็นมุมในทางโลก
ในทางธรรม ผู้ประพฤติดี หมายถึง ผู้ที่ดำรงตนอยู่ในศีลธรรมอันดีงาม สำรวมกาย วาจา ใจ ให้ห่างจากกิเลสเครื่องเศร้าหมองทั้งหลาย
บุคคลที่จะได้ชื่อว่า เป็นผู้ประพฤติดี ไม่ว่าจะเป็นความดีระดับไหนก็ตาม ย่อมต้องผ่านการฝึกฝนมาแล้วทั้งนั้น เป็นคนดีของประเทศชาติบ้านเมือง ก็ต้องผ่านการฝึกฝน เป็นคนดีมีศีลธรรม ก็ต้องผ่านการฝึกฝนทั้งหมด
เพราะธรรมดาจิตของมนุษย์นี้มันพยศ มีปกติไหลลงสู่ที่ต่ำเหมือนน้ำ การที่จะประคับประคองจิตไม่ให้ไหลลงต่ำได้นั้น จำเป็นต้องฝึกอย่างหนัก การที่จะไม่ให้จิตใจหลงใหลในสิ่งชั่วช้าเลวทรามนั้น ก็จำเป็นต้องฝึกอย่างหนักเช่นกัน ผู้ประพฤติดี เมื่อฝึกตนด้วยดีอยู่เนืองนิตย์เช่นนี้ ย่อมมีโอกาสที่จะได้ที่พึ่งอันประเสริฐที่ได้ยากนักยากหนาในพระพุทธศาสนา สมดังพุทธศาสนสุภาษิตที่มาใน ขุททกนิกาย ธรรมบท ว่า
อตฺตนา หิ สุทนฺเตน นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ
ผู้มีตนฝึกดีแล้ว ย่อมได้ที่พึ่งซึ่งหาได้ยาก
ที่พึ่ง หมายถึง บุคคล สถานที่ หรือสิ่งของ ที่จะช่วยให้เราทำกิจต่าง ๆ สำเร็จได้โดยง่าย เช่น พ่อแม่ เป็นที่พึ่งให้เราในขณะที่เราเป็นเด็ก ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ พ่อแม่คอยช่วยเหลือเราทุกสิ่งทุกอย่าง
ครูอาจารย์ คอยช่วยเหลือเราโดยการถ่ายทอดวิชาความรู้ให้เราได้มีความรู้เพื่อการดำเนินชีวิต มีสติปัญญา รู้เท่าทันคน รู้เท่าทันโลก มีวิชาในการประกอบอาชีพ
เพื่อน เป็นที่พึ่งให้เราได้บ้างในบางโอกาส คอยช่วยเหลือเราให้ทำกิจบางอย่างสำเร็จลุล่วงได้
เรามีบ้านเรือนเป็นที่พึ่งในการพักพาอาศัย หลบแดดหลบฝน เป็นที่หลับนอน เป็นต้น
ที่พึ่งทั้งหลายที่กล่าวมาข้างต้นนั้น เป็นที่พึ่งภายนอก เป็นที่พึ่งที่ไม่ยั่งยืน เป็นที่พึ่งธรรมดาสามัญ ยังไม่มีอะไรพิเศษ
แต่มีที่พึ่งอีกประเภทหนึ่งที่จัดว่าเป็นที่พึ่งอันประเสริฐ คือ บุญกุศล คุณงามความดี อันจะพาเราให้ประสพพบเจอแต่สิ่งดีงาม และพาเราไปสู่ภพภูมิที่ดีในวาระสุดท้ายของชีวิต
และที่พึ่งสูงสุดที่ได้ยากยิ่งนักก็คือ มรรคผลนิพพาน อันเป็นที่พึ่งสูงสุด เป็นเป้าหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนา เพราะที่พึ่งคือมรรคผลนิพพานนี้ จะเป็นสิ่งที่ป้องกันเราจากอบายภูมิได้เป็นอย่างดี
แต่การที่เราจะได้ที่พึ่งที่ได้โดยยากนี้ เราต้องฝึกตนเสียก่อน ฝึกตนให้ห่างไกลจากกิเลสทั้งปวง ฝึกตนให้ออกจากอบายมุขทั้งปวง ฝึกตนให้เป็นผู้มีจิตใจโอบอ้อมอารี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ฝึกตนให้เป็นผู้ตั้งมั่นในศีลธรรม และฝึกตนให้เป็นผู้หมั่นเจริญวิปัสสนากรรมฐาน
เมื่อฝึกตนให้ได้ดังกล่าวมานี้แล้ว จึงจะได้ที่พึ่งอันประเสริฐที่ได้โดยยาก นั่นคือ มรรค ผล นิพพาน
สรุปความว่า การฝึกตน เป็นวิถีที่บัณฑิตชนคนดีทั้งหลายพึงดำเนิน คือแทนที่จะไปฝึกคนอื่นให้เป็นอย่างโน้นอย่างนี้ ผู้ฉลาดกลับหันมาฝึกตนแทน ทั้งนี้ก็เพื่อให้ตนเองนั้นเป็นบุคคลที่มีคุณภาพของสังคม เป็นผู้ดำรงมั่นอยู่ในศีลธรรมอันดี ไม่เสียทีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนาในชาติหนึ่งนี้ และเมื่อฝึกฝนอบรมตนดีแล้ว ย่อมมีโอกาสที่จะได้เข้าถึงธรรม ได้ที่พึ่งอันเกษมสูงสุดในพระพุทธศาสนา กล่าวคือ มรรค ผล และนิพพาน สมดังพุทธศาสนสุภาษิตที่ยกขึ้นเป็นนิกเขปบท ณ เบื้องต้นว่า
อตฺตานํ ทมยนฺติ สุพฺพตา
ผู้ประพฤติดี ย่อมฝึกตน
ซึ่งมีอรรถาธิบายดังได้บรรยายมาแล้ว ด้วยประการฉะนี้.
