กระทู้ธรรม “นตฺถิ อตฺตสมํ เปมํ”

กระทู้ธรรม "นตฺถิ อตฺตสมํ เปมํ"

นตฺถิ อตฺตสมํ เปมํ

ความรักอื่น เสมอด้วยตน ไม่มี

บัดนี้ จักได้อธิบายขยายเนื้อความแห่งกระทู้ธรรมภาษิตที่ได้ลิขิตไว้ ณ เบื้องต้น พอเป็นแนวทางแห่งการศึกษาและประพฤติปฏิบัติ สำหรับผู้สนใจในทางธรรมเป็นลำดับสืบต่อไป

คนเราทุกคนมีความรัก รักพ่อรักแม่ รักพี่รักน้อง รักเพื่อน รักสารพัดรัก แต่ความรักทั้งหมดทั้งปวงที่กล่าวมา ก็ยังไม่เทียบเท่า รักตัวเอง

ทุกคนรักตัวเองทั้งนั้น รักตัวเองนะครับ ไม่ใช่เห็นแก่ตัว ทุกคนรักตัวเอง ทุกคนปรารถนาความสุขให้ตัวเอง ทุกคนปรารถนาความเจริญให้ตัวเอง

ก็สรุปว่า ทุกคนรักตัวเอง และความรักตัวเองนี้แหละ ที่อยู่เหนือความรักทั้งปวง แต่เมื่อรักตัวเองแล้ว ได้ดูแลรักษาตัวเองอย่างถูกต้องแล้วหรือยัง อันนี้เป็นข้อที่ต้องพิจารณา

เมื่อเรารักตัวเอง ปรารถนาความสุขความเจริญให้กับตัวเอง สิ่งที่ควรทำก็คือ พาตัวเองทำแต่สิ่งที่ดี ๆ เพื่อให้มีสิ่งดี ๆ เข้ามาหาตัวเอง และ พาตัวเองออกจากสิ่งที่ชั่ว ๆ อย่าพาตัวเองทำกรรมชั่ว

พวกเรารู้อยู่แล้วว่า “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” คือถ้าเราทำกรรมดี เราจะได้รับผลดี และถ้าทำกรรมชั่ว เราก็จะได้รับผลชั่ว อันนี้เป็นธรรมดาสามัญ ใคร ๆ ก็รู้ทั้งนั้น

ดังนั้น ข้อพิจารณาง่าย ๆ สำหรับการรักษาคุ้มครองตัวเองก็คือ ต้องหมั่นสร้างสมอบรมคุณงามความดี บำเพ็ญบารมีเอาไว้ให้มาก ๆ ทั้งในส่วนของการให้ทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา

ทั้ง 3 ข้อนี้ เป็นหลักการบำเพ็ญบารมีที่ครบถ้วนสมบูรณ์ตามคำสอนของพระพุทธศาสนา เมื่อเราหมั่นบำเพ็ญบารมีครบถ้วนทั้ง 3 ประการดังกล่าว เราย่อมจะได้รับผลดี ๆ ได้รับความสุขความเจริญเข้ามาในชีวิตของเรา สมดังพุทธศาสนสุภาษิตที่มาใน ขุททกนิกาย ธรรมบท ว่า

สุโข ปุญฺญสฺส อุจฺจโย

ความสั่งสมขึ้นซึ่งบุญ นำสุขมาให้

บุญ คือ สภาวะที่เป็นสุข เป็นสภาวะที่ชำระจิตใจของคนให้สะอาดจากบาป เมื่อไม่มีบาปอันเป็นเหตุแห่งทุกข์ จิตใจก็เป็นสุข

เหตุแห่งบุญนั้นมีอยู่ 3 ประการ คือ

  • ทานมัย บุญสำเร็จด้วยการให้ทาน
  • สีลมัย บุญสำเร็จด้วยการรักษาศีล
  • ภาวนามัย บุญสำเร็จด้วยการเจริญภาวนา

บุญนั้นเราสามารถทำได้เรื่อย ๆ ทำได้บ่อย ๆ ทำได้มากเท่าที่อยากจะทำและมีกำลังทำ และเมื่อทำมากขึ้น ๆ บุญก็เพิ่มมากขึ้น ๆ เช่นเดียวกัน

เมื่อบุญมากขึ้นเท่าไร ความสุขอันเกิดจากบุญก็จะมากขึ้นตามไปด้วย ดังนั้น จึงควรสั่งสมบุญเอาไว้ให้มาก ๆ เท่าที่จะทำได้

ความสุขที่เกิดจากการให้ทาน ในปัจจุบันขณะ คือความแช่มชื่นใจ ความอิ่มเอิบใจ ในฐานะที่เป็นผู้ให้ ได้สละสิ่งของเพื่อผู้อื่น ได้กำจัดความตระหนี่ออกจากจิตใจ ได้ทำโลภะให้บรรเทาเบาบางลง ในสัมปรายภพ ผลแห่งทานย่อมอำนวยศุภผลในส่วนของโภคะสมบัติให้

ความสุขที่เกิดจากการรักษาศีลบริสุทธิ์ ในปัจจุบันชาติ คือการได้รับความเคารพนับถือจากผู้อื่น ได้รับความเชื่อใจและการยกย่องชมเชยจากผู้อื่น ในสัมปรายภพ ผลแห่งศีลย่อมอำนวยศุภผลในด้านสุภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง ความสมบูรณ์ด้วยโภคทรัพย์ ความเป็นผู้มีโรคภัยไข้เจ็บน้อย เป็นต้น

ความสุขที่เกิดจากการเจริญภาวนา ในปัจจุบันชาติ คือการได้กำจัดกิเลสให้บรรเทาเบาบางลง ความมีสภาวะจิตที่ผ่องใสปราศจากความมัวหมอง เป็นผู้ห่างไกลจากความทุกข์ทางจิตใจ หากยังไม่สามารถเข้าถึงพระนิพพานได้ในปัจจุบันชาติ ในสัมปรายภพย่อมเข้าถึงสุคติ ไม่ตกต่ำ ไม่ตกไปในที่ชั่ว และภาวนามัยที่สั่งสมมาย่อมเป็นปัจจัยเกื้อกูลแก่การบรรุมรรคผลนิพพานในภายภาคหน้าอีกด้วย

สรุปความว่า ตนเองย่อมเป็นที่รักอย่างยิ่งสำหรับชาวโลกทั้งหลาย คือทุกคนล้วนรักตัวเอง ปรารถนาความสุขความเจริญให้แก่ตัวเองด้วยกันทั้งสิ้น ไม่มีใครเลยที่ไม่รักตัวเอง เมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งที่เราควรทำก็คือ การสร้างเหตุแห่งความสุขความเจริญให้แก่ตัวเอง นั่นก็คือการสะสมบุญ การสร้างคุณงามความดีให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมีกำลังทำได้ เพราะการสะสมบุญเป็นเหตุแห่งความสุขความเจริญ การสะสมบุญเป็นสิ่งที่บุคคลผู้รักตัวเองพึงกระทำ สมดังพุทธศาสนสุภาษิตที่ยกขึ้นเป็นนิกเขปบท ณ เบื้องต้นว่า

นตฺถิ อตฺตสมํ เปมํ

ความรักอื่น เสมอด้วยตน ไม่มี

ซึ่งมีอรรถาธิบายดังได้บรรยายมาแล้ว ด้วยประการฉะนี้.



You may also like...