อตฺตนา หิ สุทนฺเตน นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ

อตฺตนา หิ สุทนฺเตน นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ.

[คำอ่าน : อัด-ตะ-นา, หิ, สุ-ทัน-เต-นะ, นา-ถัง, ละ-พะ-ติ, ทุน-ละ-พัง]

“ผู้มีตนฝึกดีแล้ว ย่อมได้ที่พึ่งซึ่งหาได้ยาก”

(ขุ.ธ. 25/36)

ที่พึ่ง หมายถึง บุคคล สถานที่ หรือสิ่งของ ที่จะช่วยให้เราทำกิจต่าง ๆ สำเร็จได้โดยง่าย เช่น พ่อแม่ เป็นที่พึ่งให้เราในขณะที่เราเป็นเด็ก ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ พ่อแม่คอยช่วยเหลือเราทุกสิ่งทุกอย่าง

ครูอาจารย์ คอยช่วยเหลือเราโดยการถ่ายทอดวิชาความรู้ให้เราได้มีความรู้เพื่อการดำเนินชีวิต มีสติปัญญา รู้เท่าทันคน รู้เท่าทันโลก มีวิชาในการประกอบอาชีพ

เพื่อน เป็นที่พึ่งให้เราได้บ้างในบางโอกาส คอยช่วยเหลือเราให้ทำกิจบางอย่างสำเร็จลุล่วงได้

เรามีบ้านเรือนเป็นที่พึ่งในการพักพาอาศัย หลบแดดหลบฝน เป็นที่หลับนอน เป็นต้น

ที่พึ่งทั้งหลายที่กล่าวมาข้างต้นนั้น เป็นที่พึ่งภายนอก เป็นที่พึ่งที่ไม่ยั่งยืน เป็นที่พึ่งธรรมดาสามัญ ยังไม่มีอะไรพิเศษ

แต่มีที่พึ่งอีกประเภทหนึ่งที่จัดว่าเป็นที่พึ่งอันประเสริฐ คือ บุญกุศล คุณงามความดี อันจะพาเราให้ประสพพบเจอแต่สิ่งดีงาม และพาเราไปสู่ภพภูมิที่ดีในวาระสุดท้ายของชีวิต

และที่พึ่งสูงสุดที่ได้ยากยิ่งนักก็คือ มรรคผลนิพพาน อันเป็นที่พึ่งสูงสุด เป็นเป้าหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนา เพราะที่พึ่งคือมรรคผลนิพพานนี้ จะเป็นสิ่งที่ป้องกันเราจากอบายภูมิได้เป็นอย่างดี

แต่การที่เราจะได้ที่พึ่งที่ได้โดยยากนี้ เราต้องฝึกตนเสียก่อน ฝึกตนให้ห่างไกลจากกิเลสทั้งปวง ฝึกตนให้ออกจากอบายมุขทั้งปวง ฝึกตนให้เป็นผู้มีจิตใจโอบอ้อมอารี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ฝึกตนให้เป็นผู้ตั้งมั่นในศีลธรรม และฝึกตนให้เป็นผู้หมั่นเจริญวิปัสสนากรรมฐาน

เมื่อฝึกตนให้ได้ดังกล่าวมานี้แล้ว จึงจะได้ที่พึ่งอันประเสริฐที่ได้โดยยาก นั่นคือ มรรค ผล นิพพาน