กระทู้ธรรม “อตฺตานญฺเจ ปิยํ ชญฺญา รกฺเขยฺย นํ สุรกฺขิตํ”

อตฺตานญฺเจ ปิยํ ชญฺญา รกฺเขยฺย นํ สุรกฺขิตํ
ถ้ารู้ว่าตนเป็นที่รัก ก็ควรรักษาตนนั้นให้ดี
บัดนี้ จักได้อธิบายขยายเนื้อความแห่งกระทู้ธรรมภาษิตที่ได้ลิขิตไว้ ณ เบื้องต้น พอเป็นแนวทางแห่งการศึกษาและประพฤติปฏิบัติ สำหรับผู้สนใจในทางธรรมเป็นลำดับสืบต่อไป
โดยพื้นฐานของมนุษย์ ย่อมมีความรักตัวเองเป็นธรรมดา ไม่มีใครเลยที่ไม่รักตัวเอง ทุกคนต่างรักตัวเอง และแสวงหาสิ่งต่าง ๆ เพื่อตัวเอง ทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อตัวเองทั้งนั้น
ในวัยเด็ก เราเรียนหนังสือ ก็เพื่อศึกษาหาความรู้ เพื่ออนาคตที่ดีของตัวเองในวันข้างหน้า
เมื่อโตขึ้น สำเร็จการศึกษา เราทำงานทำการ ทำมาหาเลี้ยงชีพ ก็เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของตัวเองและครอบครัวของตัวเอง
จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็แล้วแต่ เราทำเพื่อตัวเองเป็นหลัก นั่นก็เป็นเพราะว่า เรารักตัวเองนั่นแหละ
เมื่อรู้ดังนี้แล้ว เราจะต้องรักษาตัวเองอย่างไร จึงจะสมกับความที่เรารักตัวเองมากมายขนาดนั้น
ในทางพระพุทธศาสนา ท่านสอนให้เรารักษาตัวเองโดยการรักษาคุ้มครองจิต ไม่ให้ถูกกิเลสทำร้าย เพราะเมื่อใดที่จิตถูกกิเลสทำร้าย ถูกกิเลสครอบงำ เมื่อนั้น ถือว่าหายนะอันใหญ่หลวงได้เกิดขึ้นกับเรา
หากเราปล่อยให้จิตตกอยู่ในอำนาจของกิเลส กิเลส จะพาเราไปสู่อบายมุข คือหนทางแห่งความเสื่อม หลอกให้เราทำชั่วต่าง ๆ นานาประการ
แต่ถ้าเราคุ้มครองรักษาจิตของเราอย่างดี ไม่ปล่อยให้กิเลสครอบงำ กิเลสก็ชักจูงเราไปทำเรื่องชั่ว ๆ ไม่ได้ เราก็จะอยู่รอดปลอดภัยจากบาปอกุศลทั้งหลายทั้งปวง สมดังพุทธศาสนสุภาษิตที่มาใน ขุททกนิกาย ธรรมบท ว่า
จิตฺตํ คุตฺตํ สุขาวหํ
จิตที่คุ้มครองดีแล้ว นำสุขมาให้
จิตที่คุ้มครองดีแล้ว คือจิตที่ถูกรักษาคุ้มครองไว้ไม่ให้หวั่นไหวไปตามอารมณ์ของโลก ในเมื่อถูกอารมณ์ต่าง ๆ เหล่านั้นมากระทบ ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ที่น่าปรารถนา หรืออารมณ์ที่ไม่น่าปรารถนาก็ตาม
เมื่อบุคคลมีจิตอันคุ้มครองดีแล้วดังที่กล่าวมา ตาเห็นรูปก็ไม่ยินดียินร้าย หูได้ยินเสียง ก็ไม่ยินดียินร้าย จมูกได้กลิ่น ก็ไม่ยินดียินร้าย ลิ้นได้ลิ้มรส ก็ไม่ยินดียินร้าย กายถูกต้องสัมผัส ก็ไม่ยินดียินร้าย ใจรับรู้ธรรมารมณ์ ก็ไม่ยินดียินร้าย
เมื่อคุ้มครองจิตของตนเองได้อย่างนี้ จิตย่อมจะเยือกเย็นเป็นสุข เพราะไม่ต้องซัดส่ายไปตามอารมณ์ของโลกที่ไม่มีความแน่นอน เปลี่ยนแปลงไปมาอยู่ตลอด
ดังนั้น พึงคุ้มครองจิตของตนให้ดีเถิด คุ้มครองจิตไม่ให้ถูกกิเลสคือความโลภ ความโกรธ ความหลง เข้ายึดครองครอบงำ เปรียบเหมือนคุ้มครองร่างกายด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันโรค ไม้ให้ถูกโรคภัยไข้เจ็บทั้งหลายเบียดเบียน เมื่อจิตได้รับการคุ้มครองดีแล้ว จะนำสุขมาให้ อย่างแน่นอน
สรุปความว่า คนเราทุกคนล้วนมีตนเป็นที่รัก คือทุกคนรักตัวเอง ปรารถนาความสุขความเจริญแก่ตนเอง เมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็ต้องรักษาคุ้มครองตนให้ดี การรักษาคุ้มครองตนที่ดีนั้น ต้องรักษาที่จิตใจ คือรักษาจิตให้ตั้งมั่นอยู่ในความดี ปกป้องคุ้มครองจิตไม่ให้ถูกกิเลสครอบงำ เมื่อทำได้ดังนี้ เราก็จะไม่เผลอไปทำความชั่วทั้งหลายอันจะส่งผลร้ายต่อตัวเราเอง ความสุขความเจริญก็ย่อมบังเกิดแก่ตัวเราเองอย่างแน่นอน สมดังพุทธศาสนสุภาษิตที่ยกขึ้นเป็นนิกเขปบท ณ เบื้องต้นว่า
อตฺตานญฺเจ ปิยํ ชญฺญา รกฺเขยฺย นํ สุรกฺขิตํ
ถ้ารู้ว่าตนเป็นที่รัก ก็ควรรักษาตนนั้นให้ดี
ซึ่งมีอรรถาธิบายดังได้บรรยายมาแล้ว ด้วยประการฉะนี้.
