กระทู้ธรรม “อตฺตานญฺเจ ปิยํ ชญฺญา น นํ ปาเปน สํยุเช”

กระทู้ธรรม "อตฺตานญฺเจ ปิยํ ชญฺญา น นํ ปาเปน สํยุเช"

อตฺตานญฺเจ ปิยํ ชญฺญา น นํ ปาเปน สํยุเช

ถ้ารู้ว่าตนเป็นที่รัก ก็ไม่ควรประกอบตนนั้นด้วยความชั่ว

บัดนี้ จักได้อธิบายขยายเนื้อความแห่งกระทู้ธรรมภาษิตที่ได้ลิขิตไว้ ณ เบื้องต้น พอเป็นแนวทางแห่งการศึกษาและประพฤติปฏิบัติ สำหรับผู้สนใจในทางธรรมเป็นลำดับสืบต่อไป

โดยแท้ที่จริงแล้ว มนุษย์เรารักตัวเองมากกว่าคนอื่น ถึงแม้จะบอกว่า รักคนนั้นรักคนนี้ แต่ที่สุดแล้วเราก็รักตัวเองมากกว่า เมื่อเรารักตัวเองเช่นนี้ พระพุทธศาสนาจึงสอนว่า อย่าพาตัวเองไปทำความชั่ว

เพราะหลักที่ว่า ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาอยู่เองที่หากเราไปทำความชั่ว เราก็จะได้รับผลที่ชั่วช้าสามานย์กลับมา แต่ถ้าเราไปทำความดีละเว้นความชั่ว เราก็จะได้รับผลที่ดีหรือผลของความดีที่ทำนั้นกลับมาเช่นกัน

ถ้าเราทำความชั่ว ก็เท่ากับหาสิ่งไม่ดีใส่ตัว ย่อมไม่สมกับความรักที่มีให้ตัวเองอย่างมากมายเป็นแน่แท้

ดังนั้น พึงจำไว้เสมอว่า อย่าทำความชั่ว ไม่ว่าจะเป็นทางกาย ทางวาจา หรือทางใจก็ตาม เมื่อรักตัวเอง พึงพาตัวเองทำแต่สิ่งดี ๆ และรักษาคุ้มครองตนให้รอดพ้นจากความชั่วทั้งหลาย อย่าให้ตนต้องเดือดร้อนเพราะกรรมชั่วช้าลามก สมดังพุทธศาสนสุภาษิตที่มาใน ขุททกนิกาย ชาดก ปกิณณกนิบาต ว่า

อตฺตานุรกฺขี ภว มา อฑยฺหิ

จงเป็นผู้ตามรักษาตนอย่าให้เดือดร้อน

ธรรมดาคนที่มีศัตรูคู่อาฆาตคอยตามราวี ย่อมประสบกับความเดือดร้อนอยู่ตลอดเวลา ต้องคอยหวาดหวั่นว่าศรัตรูคู่อาฆาตนั้นจะทำลายชีวิตตนเมื่อไหร่ ต้องคอยหลบหนี และคอยป้องกันไม่ให้ศรัตรูนั้นหาตัวเจอ

มนุษย์เรามีกิเลสตัณหาเป็นศัตรูตัวฉกาจ ที่คอยตามครอบงำและรุกรานจิตของเราอยู่ตลอดเวลา คอยสั่งการให้เราทำชั่วช้าสามานย์ตามอำนาจของมันอยู่ตลอดเวลา

เมื่อเราถูกกิเลสตัณหาคอยตามราวีอยู่ตลอดเช่นนี้ ก็ย่อมจะประสบความเดือดเนื้อร้อนใจอยู่ไม่หยุด เราจึงจำเป็นที่จะต้องปกป้องตนเอง ป้องกันตนเอง รักษาตนเอง ไม่ให้ถูกกิเลสตัณหารุกรานอีกต่อไป

เราต้องตามรักษาตนเอง โดยการใช้หลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนามาเป็นเกราะป้องกัน ใช้สติ สัมปชัญญะมาเป็นเกราะป้องกัน ใช้หิริและโอตตัปปะมาเป็นโล่ห์ป้องกัน ไม่ให้เราเผลอทำบาปไปตามอำนาจสั่งการของกิเลสตัณหา

และใช้วิปัสสนากรรมฐาน มาเป็นอาวุธห้ำหั่นกิเลสตัณหา ให้ตายไปจากจิตจากใจของเราให้ได้ เมื่อใดเราประหารกิเลสตัณหาได้เด็ดขาด เมื่อนั้น เราก็จะเป็นไท เป็นอิสระ ไม่ตกอยู่ในอำนาจของกิเลสตัณหาอีกต่อไป

สรุปความว่า คนเราทุกคนล้วนรักตัวเองกันทั้งนั้น เมื่อรักตัวเองแล้ว ก็ควรรักษาคุ้มครองตัวเองให้ดี อย่าพาตัวเองไปกระทำกรรมชั่วช้าลามกทั้งหลาย เพราะกรรมชั่วเหล่านั้น จะนำผลเสียมาสู่ตัวเราเอง เมื่อเป็นเช่นนั้น ย่อมไม่สมกับคำที่ว่ารักตัวเอง สิ่งที่ควรกระทำก็คือ รักษาจิตใจของตัวเองให้สะอาดบริสุทธิ์จากกิเลสทั้งปวง คุ้มครองจิตของตนให้รอดพ้นจากความชั่วทั้งหลาย กระทำแต่กรรมดีอันจะเป็นประโยชน์ต่อตนเองและสังคม จึงจะได้ชื่อว่ารักตนเองอย่างแท้จริง สมดังพุทธศาสนสุภาษิตที่ยกขึ้นเป็นนิกเขปบท ณ เบื้องต้นว่า

อตฺตานญฺเจ ปิยํ ชญฺญา น นํ ปาเปน สํยุเช

ถ้ารู้ว่าตนเป็นที่รัก ก็ไม่ควรประกอบตนนั้นด้วยความชั่ว

ซึ่งมีอรรถาธิบายดังได้บรรยายมาแล้ว ด้วยประการฉะนี้.



You may also like...