กระทู้ธรรม “อตฺตานญฺจ น ฆาเตสิ”

กระทู้ธรรม "อตฺตานญฺจ น ฆาเตสิ"

อตฺตานญฺจ น ฆาเตสิ

อย่าฆ่าตนเสีย

บัดนี้ จักได้อธิบายขยายเนื้อความแห่งกระทู้ธรรมภาษิตที่ได้ลิขิตไว้ ณ เบื้องต้น พอเป็นแนวทางแห่งการศึกษาและประพฤติปฏิบัติ สำหรับผู้สนใจในทางธรรมเป็นลำดับสืบต่อไป

คำว่า “ฆ่าตน” มีความหมายเป็น 2 นัย คือ

นัยที่ 1 หมายถึง การฆ่าตัวตาย

การที่เราจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์นั้น เป็นสิ่งที่ยากนักยากหนา คือไม่ใช่ว่าจะเกิดมาเป็นมนุษย์ได้ง่าย ๆ ต้องบำเพ็ญบารมีมามาก ต้องสร้างบุญสร้างกุศลมามาก จึงจะสามารถเกิดมาเป็นมนุษย์ได้

เป้าหมายของการเกิดมาเป็นมนุษย์ก็คือ การสร้างบารมี คือเราเกิดมาเป็นมนุษย์นี้ เพื่อมาสร้างบารมี ไม่ใช่เกิดมาเพื่อชดใช้กรรมแต่อย่างใด ผู้ที่เกิดมาเพื่อชดใช้กรรมมีเพียงสัตว์นรก เปรต อสุรกาย และสัตว์ดิรัจฉานเท่านั้น ส่วนมนุษย์เรานี้เกิดมาเพื่อสร้างบารมีอย่างแท้จริง

บางคนเกิดมาแล้ว ยังไม่ได้สร้างบารมีให้สมกับที่เกิดมาเป็นมนุษย์ ยังไม่ได้สร้างบุญสร้างกุศลเท่าใดนัก ประสบปัญหาในชีวิตหรือประสบกับความทุกข์บางอย่าง ก็ชิงลงมือฆ่าตัวตายหนีปัญหาเสียแล้ว เช่นนี้ ย่อมหมดโอกาสที่จะได้สร้างคุณงามความดี หมดโอกาสที่จะได้สร้างบารมี มิหนำซ้ำ เมื่อตายไปแล้วยังต้องไปชดใช้กรรมอันเกิดจากการฆ่าตัวตายอีก ช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้าและน่าเสียดายยิ่งนัก

นัยที่ 2 หมายถึง การทำให้ตนเองตายไปจากคุณงามความดี

การทำให้ตนเองตายไปจากคุณงามความดี โดยความหมายก็คือ การทำความชั่วทั้งหลายทั้งปวง ก็เปรียบเสมือนการฆ่าตัวตาย

การที่เราหลงใหลอยู่กับอบายมุข ทำกรรมชั่วช้าสามานย์สารพัด ไม่ละอายต่อการทำบาป ไม่เกรงกลัวต่อผลของบาป เป็นการทำชีวิตของตัวเองให้ตกต่ำ เป็นการฆ่าตัวตายทางอ้อม เพราะคนที่ทำความชั่ว ก็เปรียบเสมือนคนที่ตายแล้ว คือไม่สามารถสร้างคุณงามความดี หรือสร้างประโยชน์ใด ๆ ให้แก่ตนเองและสังคมได้ ดังนั้น การทำความชั่ว จึงเปรียบเสมือนการฆ่าตัวตาย

เมื่อการทำความชั่ว เปรียบเหมือนการฆ่าตัวตายดังกล่าว การทำความดี ก็ย่อมเปรียบเหมือนการทะนุถนอมคุ้มครองรักษาตนเอง เพราะผลของความดีนั้นเป็นสุข เป็นบุญกุศล เป็นสิ่งที่จะทำให้ชีวิตของเรานั้นเจริญทั้งในโลกนี้และโลกหน้า

ดังนั้น เมื่อได้มีโอกาสเกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว จงรักษาชีวิตไว้เพื่อสร้างบารมีให้มากที่สุด และจงอย่าฆ่าตัวเองทางอ้อมโดยการทำความชั่วช้าสามานย์ แต่จงคุ้มครองรักษาตัวเองให้ดี ด้วยการบำเพ็ญบุญกุศลให้พร้อมสรรพอยู่ตลอดเวลา สมดังพุทธศาสนสุภาษิตที่มาใน ขุททกนิกาย ชาดก ปกิณณกนิบาต ว่า

อตฺตานุรกฺขี ภว มา อฑยฺหิ

จงเป็นผู้ตามรักษาตนอย่าให้เดือดร้อน

ธรรมดาคนที่มีศัตรูคู่อาฆาตคอยตามราวี ย่อมประสบกับความเดือดร้อนอยู่ตลอดเวลา ต้องคอยหวาดหวั่นว่าศรัตรูคู่อาฆาตนั้นจะทำลายชีวิตตนเมื่อไหร่ ต้องคอยหลบหนี และคอยป้องกันไม่ให้ศรัตรูนั้นหาตัวเจอ

มนุษย์เรามีกิเลสตัณหาเป็นศัตรูตัวฉกาจ ที่คอยตามครอบงำและรุกรานจิตของเราอยู่ตลอดเวลา คอยสั่งการให้เราทำชั่วช้าสามานย์ตามอำนาจของมันอยู่ตลอดเวลา

เมื่อเราถูกกิเลสตัณหาคอยตามราวีอยู่ตลอดเช่นนี้ ก็ย่อมจะประสบความเดือดเนื้อร้อนใจอยู่ไม่หยุด เราจึงจำเป็นที่จะต้องปกป้องตนเอง ป้องกันตนเอง รักษาตนเอง ไม่ให้ถูกกิเลสตัณหารุกรานอีกต่อไป

เราต้องตามรักษาตนเอง โดยการใช้หลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนามาเป็นเกราะป้องกัน ใช้สติ สัมปชัญญะมาเป็นเกราะป้องกัน ใช้หิริและโอตตัปปะมาเป็นโล่ห์ป้องกัน ไม่ให้เราเผลอทำบาปไปตามอำนาจสั่งการของกิเลสตัณหา

และใช้วิปัสสนากรรมฐาน มาเป็นอาวุธห้ำหั่นกิเลสตัณหา ให้ตายไปจากจิตจากใจของเราให้ได้ เมื่อใดเราประหารกิเลสตัณหาได้เด็ดขาด เมื่อนั้น เราก็จะเป็นไท เป็นอิสระ ไม่ตกอยู่ในอำนาจของกิเลสตัณหาอีกต่อไป เป็นอันว่า วิธีที่จะรักษาตนไม่ให้เดือดร้อนได้ ก็คือการคุ้มครองจิตไม่ให้ถูกกิเลสครอบงำ

สรุปความว่า มนุษย์เรานี้เกิดมาเพื่อสร้างบารมี เมื่อมีโอกาสได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว พึงรักษาชีวิตให้ดีที่สุด เพราะตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ เราก็ยังมีโอกาสได้สร้างบารมี ถึงแม้ว่าจะเหลือเพียงลมหายใจ เรายังสามารถใช้ลมหายใจนั้นปฏิบัติกรรมฐานสร้างบารมีได้ ฉะนั้น ชีวิตเรานี้มีค่ามากมายจริง ๆ อีกอย่างหนึ่ง ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ควรรักษาคุ้มครองจิตของตนให้ดี อย่าให้กิเลสตัณหาเข้าครอบงำทำความเดือดร้อนให้เป็นอันขาด และหมั่นสร้างคุณงามความดีให้มากที่สุด อย่าทำให้ตนเองต้องตายไปจากคุณงามความดี สมดังพุทธศาสนสุภาษิตที่ยกขึ้นเป็นนิกเขปบท ณ เบื้องต้นว่า

อตฺตานญฺจ น ฆาเตสิ

อย่าฆ่าตนเสีย

ซึ่งมีอรรถาธิบายดังได้บรรยายมาแล้ว ด้วยประการฉะนี้.



You may also like...